พม. จับมือภาคเอกชน ประกาศเจตนารมณ์ “การเสริมพลังบทบาทหญิงและชายเพื่อการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีคุณภาพ”

วันที่ 6 ส.ค. 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์การเสริมพลังบทบาทหญิงและชายเพื่อการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีคุณภาพ” พร้อมทั้งมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้บริษัทที่เข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์ฯ จำนวน 17 บริษัท และมอบใบประกาศเกียรติคุณสหภาพแรงงาน จำนวน 10 แห่ง ในฐานะหน่วยงานที่สนับสนุนบริษัทที่เข้าร่วมการประกาศเจตนารมณ์ฯ

โดยมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ มีนางสาวอุษณี กังวารจิตต์ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กทม.

นายจุรินทร์ กล่าวว่า กระทรวง พม. โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ได้รับมอบหมายให้ขับเคลื่อนการเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวควบคู่กับสิทธิสวัสดิการด้านแรงงานหญิงและชาย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ จึงได้ร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถานประกอบการ คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย สมาพันธ์แรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสหภาพแรงงาน รวมจำนวน 17 บริษัท ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ “การเสริมพลังบทบาทหญิงและชายเพื่อการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีคุณภาพ

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้สถานประกอบการสนับสนุนให้ผู้หญิงซึ่งเป็นมารดา ขยายวันลาคลอดบุตร และผู้ชายซึ่งเป็นบิดา สามารถลาคลอดบุตร เพื่อช่วยเหลือภรรยาดูแลบุตรได้ โดยเป็นการปฏิบัติมากกว่ากฎหมายกำหนดไว้ รวมถึงการจัดสวัสดิการให้มีมุมนมแม่ ที่มีความสะอาดและปลอดภัย การส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว สร้างความตระหนักรู้และมีส่วนรับผิดชอบสังคมในการคุ้มครองสิทธิแรงงานหญิงให้สอดคล้องกับสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์และมีหลักประกันความมั่นคงต่อไป

นอกจากนี้ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม การประกาศเจตนารมณ์ในวันนี้ จึงนับเป็นหนึ่งกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมบทบาทผู้หญิงในฐานะของ “แม่” และบทบาทของผู้ชาย ในฐานะของ “พ่อ” ให้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันในการเลี้ยงดูบุตรให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ และร่วมสร้างครอบครัวไทยให้มีความเข้มแข็ง มั่นคงต่อไป

นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า การประกาศเจตนารมณ์ครั้งนี้ นับว่าเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 48 กำหนดให้สิทธิของมารดาในช่วงระหว่างก่อนและหลังการคลอดบุตร ย่อมได้รับความคุ้มครอง และช่วยเหลือตามที่กฎหมายบัญญัติ อีกทั้งรัฐบาลได้ประกาศแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 – 2580) ให้ความสำคัญประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต เพื่อพัฒนาและยกระดับทรัพยากรมนุษย์ในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เต็มศักยภาพและเหมาะสม

ประกอบกับได้กำหนดให้มีการเตรียมความพร้อมแก่พ่อแม่ในการเลี้ยงดูบุตร และกระตุ้นพัฒนาการของบุตรให้มีความเหมาะสมกับทุกช่วงวัยในทุกด้าน และเพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีส่วนสร้างความก้าวหน้าของสังคมควบคู่กับสิทธิด้านแรงงาน รวมถึงสนับสนุนการสร้างครอบครัวให้ชีวิตของแรงงานดำเนินต่อไปอย่างปกติ

โดยไม่มีปัจจัยเรื่องการมีบุตรมาเป็นอุปสรรค หรือเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงหรือผู้ชายต้องออกจากงาน และมีความสอดคล้องกับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิการคุ้มครองความเป็นมารดา พ.ศ. 2543 ที่ขยายการคุ้มครองส่งเสริมความเท่าเทียมกันของสตรีทุกคนที่เป็นกำลังแรงงาน สุขภาพ และความปลอดภัยของแม่และเด็ก

นายจุรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถานภาพสตรีแห่งชาติ (กยส.) ได้พิจารณานำประเด็นปัญหาของสตรี มาพัฒนาเป็นนโยบายสนับสนุนสตรีให้เป็นพลังสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเด็นที่สตรีเป็นผู้ให้กำเนิด ไม่ควรเป็นเหตุที่ทำให้สตรีถูกเลือกปฏิบัติ สถาบันทางเศรษฐกิจ สถานประกอบการ ควรสร้างวิถีที่ทำให้ผู้หญิงและผู้ชายมีความรับผิดชอบร่วมกันในการเลี้ยงดูบุตร

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัวและการทำงาน รวมถึงเพื่อสร้างสังคมที่มีผลิตภาพที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของผู้หญิง และผู้ชาย แม้ว่าปัจจุบันได้มีกฎหมายคุ้มครองแรงงาน กำหนดให้ลูกจ้างลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วัน โดยได้รับ ค่าตอบแทน แต่จากการศึกษาพบว่า เด็กแรกเกิดควรได้รับนมแม่ในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต ซึ่งเป็นระยะเวลามากกว่ากฎหมายกำหนดไว้ จึงเป็นหน้าที่ของสังคมในทุกภาคส่วนที่จะต้องผลักดันให้สิทธิของแรงงานหญิงและครอบครัวขยายเพิ่มเติมให้สอดรับกับสภาพความเป็นจริง ให้การทำงานและการสร้างครอบครัวเดินควบคู่กันไปได้

นายจุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การประกาศเจตนารมณ์ฯ ในวันนี้ ถือเป็นมาตรการหนึ่งที่ส่งเสริมโอกาสผู้หญิงและผู้ชายให้มีส่วนร่วมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีแนวปฏิบัติของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้านการเสริมพลังบทบาทหญิงและชายเพื่อการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีคุณภาพ ดังนี้
1) ให้พนักงานชายลา เพื่อช่วยภรรยาเลี้ยงดูบุตรได้ 15 วัน
2) ให้พนักงานหญิงลาคลอดบุตรได้ 120 วัน
3) ให้มีมุมนมแม่ ที่มีความสะอาด และปลอดภัย
4) ส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว สร้างความรักความผูกพัน และให้โอกาสบิดาและมารดา เพื่อการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น และ
5) สร้างความตระหนักรู้และคุ้มครองสิทธิแรงงานหญิงให้สอดคล้องกับสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์และมีหลักประกันความมั่นคง

…………………………………..