กระทรวงแรงงาน พร้อมผู้ว่าฯ อุดรธานี ลงพื้นที่ให้กำลังใจครอบครัวแรงงานไทย ที่ประสบภัยในอุซเบกิสถาน

กระทรวงแรงงาน ส่งจัดหางาน ลงพื้นที่พร้อมผู้ว่าฯ อุดรธานี ให้กำลังใจครอบครัวแรงงานไทย ที่ติดต่อขอกลับประเทศ เนื่องจากประสบปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19)อยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้รับรายงานจาก นายมงคล สงคราม จัดหางานจังหวัดอุดรธานี ว่าได้รุดลงพื้นที่ร่วมกับ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ณ บ้านเลขที่ 94 หมู่ 17 บ้านหนองเม็ก ตำบลหนองเม็ก อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ให้กำลังใจครอบครัวแรงงานไทย นายบุญสงค์ สีทอง อายุ 70 ปี บิดานายศราวุธ สีทอง อายุ 32 ปี หนึ่งในแรงงานไทยที่ติดต่อขอกลับประเทศ เนื่องจากประสบปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19)อยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ครอบครัวของแรงงานไทยที่ติดตามสถานการณ์อยู่อย่างใกล้ชิด พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำ และแจ้งเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆที่แรงงานจะได้รับ ขณะที่ นายบุญสงค์ สีทอง ได้แจ้งว่า เข้าใจในสถานการณ์ที่แรงงานไทยประสบดี เนื่องจากเคยไปทำงานที่ต่างประเทศมาก่อน

“ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังเร่งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องแรงงานไทยกลับบ้านอย่างปลอดภัยช่วงนี้ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพของตน โดย เฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสโควิด-19” ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าว

ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานนั้น ได้ติดต่อประสาน บริษัทที่เป็นนายจ้าง ซึ่งมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบความเป็นอยู่และการปฏิบัติตามสัญญาจ้าง ทั้งนี้ ในเบื้องต้น แรงงานไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะแรงงานไทยที่ทำงานในต่างประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ในประเทศที่ทำงานอยู่ ซึ่งทางการของประเทศนั้นๆ ประกาศกำหนดแล้ว และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฯ โดยสมาชิกกองทุนฯ ที่ได้รับผลกระทบและประสบปัญหาจากการเกิดโรคระบาด ทำให้ต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนสิ้นสุดสัญญาจ้างงาน จะได้รับการสงเคราะห์ รายละ 15,000 บาท

ส่วน สมาชิกกองทุนฯ ที่ประสบปัญหาระหว่างอยู่ในต่างประเทศ เช่น นายจ้างประกาศปิดกิจการ เนื่องจากมาตรการในแต่ละประเทศเพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาด หรือนายจ้างสั่งให้พักงานและอยู่ระหว่างรอกลับเข้าไปทำงานใหม่ โดยมิใช่ความผิดของสมาชิกกองทุนฯ เป็นเหตุให้ได้รับความเดือดร้อนขาดรายได้ โดยสำนักงานแรงงานในต่างประเทศจะเป็นผู้รับผิดชอบ และพิจารณาการให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์แก่สมาชิกกองทุนฯ ที่ยื่นคำร้องขอรับการสงเคราะห์ ทั้งนี้ สำนักงานแรงงานในต่างประเทศจะตรวจสอบข้อเท็จจริง หากสมาชิกกองทุนฯไม่ได้รับความช่วยเหลือจากนายจ้าง สำนักงานแรงงานในต่างประเทศจะพิจารณาให้การช่วยเหลือตามความเป็นจริงและเหมาะสม ตามระเบียบ ข้อ 5 (2) (ง) เป็นค่าใช้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินรายละ 30,000 บาท

จึงขอเน้นย้ำ ให้แรงงานไทย และคนงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศทุกคน ควรไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และ สมัครสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ และการคุ้มครอง หากประสบอันตราย เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ หรือประสบปัญหาในต่างประเทศ ดังเช่นกรณีของแรงงานไทยที่ประสบภัยในอุซเบกิสถาน และขอให้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการเป็นสมาชิกกองทุนฯ โดยเฉพาะการเดินทางไปทำงานด้วยวิธีแจ้งการเดินทางด้วยตนเอง เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้เป็นสมาชิกกองทุนฯ ได้ด้วยความสมัครใจ

อย่างไรก็ดี ก่อนตัดสินใจไปทำงานในต่างประเทศ ก็ควรศึกษาข้อมูลก่อนเดินทาง โดยสอบถามข้อมูลสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ เพื่อเป็นการป้องกันการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ หรือโทร.สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน