สสส. นำเสนอ “ตามสั่ง – ตามส่ง” แพลตฟอร์มออนไลน์ หนึ่งในโครงการพลเมืองไทยสู้ภัยวิกฤต

ตามสั่ง – ตามส่ง สู้ภัยโควิด -19

“ตามสั่ง-ตามส่ง มารับอาหารครับ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง และมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างการบริการของชายหนุ่มที่มีเสื้อกั๊กสีส้ม พร้อมกระเป๋าเก็บความร้อนใบย่อมๆ ที่สะพายเข้ามาภายในร้านขายอาหารร้านหนึ่งในซอยลาดพร้าว 101 เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ใช่แล้ว เขาคือ วินมอเตอร์ไซค์ประจำซอยลาดพร้าว 101 นายธนบดี ถิ่นบาง สมาชิกวินมอเตอร์ไซค์ที่เข้าร่วมโครงการ ตามสั่ง-ตามส่ง ปฏิบัติหน้าที่ตามสโลแกน “สั่งตามใจ ส่งไวจัง” เขาเล่าให้ฟังด้วยแววตาเปื้อนยิ้มว่า ช่วงนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ไม่มีคนให้รับส่ง พอมีแพลตฟอร์มนี้เข้ามาทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถนำเงินไปจุนเจือครอบครัวได้

เมื่อย้อนมองกลับไปดูพฤติกรรมของผู้คนในระหว่างที่ประเทศไทยเผชิญกับโควิด-19 ที่ผ่านมา เราได้เห็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและทุกคนในการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ พฤติกรรมการบริโภคและการเดินทางเปลี่ยนแปลงไป ทุกอาชีพได้รับผลกระทบแทบทั้งสิ้น มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็เช่นเดียวกัน เมื่อผู้คนหยุดทำงานที่บ้าน ก็ไม่มีลูกค้า และเมื่อประชาชนอยู่บ้านมักสั่งอาหารผ่านทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

โดยผลการสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สำรวจพฤติกรรมทางออนไลน์ เรื่อง “การใช้บริการ Online Food Delivery ของคนไทย” ระหว่างวันที่ 5 – 15 มีนาคม 2563 พบว่า กลุ่มผู้ใช้บริการสั่งอาหารออนไลน์มากที่สุดคือ Gen Y (อายุ 19 – 38 ปี) จำนวน 51.09% รองลงมาคือกลุ่ม Gen X (อายุ 39 – 54 ปี) กลุ่ม Baby Boomer (อายุ 55 – 73 ปี) และกลุ่ม Gen Z (อายุต่ำกว่า 19 ปี)

การสำรวจยังพบด้วยว่า อาหารยอดนิยมที่ทุก Gen สั่งมากกว่า 61.06% คืออาหารจำพวกฟาสต์ฟู้ด อาทิ ไก่ทอด เบอร์เกอร์ และพิซซ่า แต่จะดีกว่าหากได้พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับรายได้ของชุมชน

ตามสั่ง – ตามส่ง แพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพลเมืองไทยสู้ภัยวิกฤต สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นโครงการนำร่องส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนที่สามารถนำไปต่อยอดได้

โดยนางเข็มเพชร เลนะพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างสรรค์โอกาส สสส. กล่าวว่า โครงการนี้มองเห็นปัญหาเรื่องกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด คือ กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ กลุ่มที่เคยมีรายได้ เมื่อวิกฤตโควิดเข้ามาก็ส่งผลกระทบต่อรายได้ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์

ในขณะเดียวกันมองว่าวิกฤตนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้เกิดการประสานการรวมพลังคนในชุมชนเพื่อจะมาแก้ปัญหาวิกฤตที่เจอจึงเป็นที่มาของการคิดแพลตฟอร์มที่จะเชื่อมระหว่างวินมอเตอร์ไซค์ ร้านอาหารขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด รวมถึงคนที่ต้องทำงานที่บ้าน ได้สามารถใช้บริการของร้านอาหารโดยที่ใช้วินมอเตอร์ไซค์เป็นคนทำหน้าที่รับส่งอาหาร มีการทำงานร่วมกับทางภาคส่วนวิชาการ คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หากมีแฟลตฟอร์มที่ชุมชนเป็นเจ้าของเอง เป็นการช่วยให้เกิดรายได้ของคนในชุมชน ทำให้ขับเคลื่อนออกมาเป็นรูปธรรมและวัดผลให้ได้

“สิ่งที่สะท้อนได้ชัดเจนคือ ปฏิสัมพันธ์ของคนในชุมชน เกิดขึ้นมาเพราะตอบสนองความต้องการของชุมชน จุดเด่นของที่นี่คือเรื่องความเข้มแข็ง และมีแนวคิดที่จะช่วยกันในเชิงของการแก้ปัญหาสมาชิกกลุ่มและก็การสร้างความเข้มแข็งในเชิงของการให้คนในชุมชนได้มีปฏิสัมพันธ์ คนในชุมชนสามารถเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้ และทุกโครงการภายใต้ พลเมืองไทยสู้ภัยวิกฤต แต่ละโครงการออกแบบวิธีการทำงานให้สอดรับกับบริบท การป้องกันและดูแลให้ชุมชนรับมือกับโควิด-19 เรียกว่าเป็นกระบวนการขั้นพื้นฐานที่ทุกโครงการต้องให้ความสำคัญ นำไปสู่การมีสุขอนามัยที่ดี” นางเข็มเพชร กล่าว

ความดีงามของการเข้าร่วมโครงการตามสั่ง-ตามส่ง คือ มีการกำหนดราคาระยะทางชัดเจน ไม่มีการหักหัวคิว ไม่มีการบวกเพิ่ม โดยนายเฉลิม ชั่งทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนตร์รับจ้างแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการดังกล่าว ทำให้วินมอเตอร์ไซค์สามารถยกระดับอาชีพ และยกระดับคนในชุมชนสามารถมีรายได้จากการขายของแบบไม่มีหัวคิว แพลตฟอร์มตัวนี้เราสามารถที่จะเกื้อหนุนกันได้ทั้งคนขับวินและคนที่ประกอบอาชีพค้าขาย ร้านเล็กๆ สามารถเข้ามาร่วมแพลตฟอร์มและสามารถคนในชุมชนก็สั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มนี้ และวินก็มีรายได้เพิ่มขึ้น

นายเฉลิม ชั่งทองมะดัน

นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนตร์รับจ้างแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า แพลตฟอร์มนี้ไม่ใช่แค่ส่งกับรับ แต่ยังมีการสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนในชุมชน เป็นธุรกิจที่ไม่หวังผลกำไร แต่ในทางกลับกันผลกำไรที่ได้นั้นมาจากคนในชุมชนสามัคคีกัน เข้มแข็ง ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ จากสถานการณ์ที่ผ่านมา คนจะไม่ค่อยขึ้นวินเท่าไหร่เพราะว่าต้องอยู่ที่บ้านและสร้างระยะห่างทางสังคม ทำให้รายได้ลดลงไป 60 – 70 % และหวังว่าหากแพลตฟอร์มตัวนี้ยกระดับอาชีพได้จริง น่าจะตอบโจทย์สำหรับยุคนี้มากที่สุด

“ วิน หากไปส่งแล้วต้องกลับมาวินตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถไปรับต่อได้ จะผิดระเบียบ จึงไม่เกิดปัญหาทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น ตามสั่ง-ตามส่ง ทำให้ชุมชนชนหันกลับมามองแพลตฟอร์มของชุมชนเอง นอกจากสามารถรับส่งของได้แล้วยังสามารถช่วยเหลือสังคมได้ด้วย เหมือน รปภ.ประจำหมู่บ้าน ที่คอยช่วยเหลือคนและทุกอย่างในชุมชน” นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนตร์รับจ้างแห่งประเทศไทย กล่าว

สั่งอาหารตามสั่ง หรือเรียกวินมอเตอร์ไซค์ตามส่ง ทำได้โดย

1. แอดไลน์ไปที่ @tamsung-tamsong หรือเข้าเว็บไซต์ ตามสั่ง-ตามส่ง.com

2. เลือกว่า จะ “ตามสั่ง” หรือ “ตามส่ง”

3. เลือกเมนูที่ต้องการ

4. ดำเนินการสั่งอาหารตามขั้นตอนที่กำหนดไว้

5. หากมีข้อสงสัยเรื่องคำสั่งซื้อ โทร.สอบถามได้ที่ 093-2988813

เหนือสิ่งอื่นใดคือความปลอดภัย วินมอเตอร์ไซค์ทุกคนมีการสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลแอลกอฮอล์เพื่อใช้ในการล้างมือ ก่อนและหลังรับส่งอาหาร ทั้งนี้เพื่อเป็นการรับผิดชอบส่วนตัวเพื่อส่วนร่วมนั่นเอง

นับว่า ตามสั่ง-ตามส่ง เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ตอบสนองความต้องการของชุมชน และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ถึงแม้จะขับเคลื่อนโครงการมาเพียงสองเดือนกว่า แต่สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า หากชุมชนมีการขับเคลื่อนด้วยพลังของคนในพื้นที่ และเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มเอง จะนำไปสู่นวัตกรรมการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืนและสามารถขยายผลไปยังชุมชนอื่นๆ ได้ และนำโมเดลดังกล่าวไปขับเคลื่อนสังคมให้เกิดสุขภาวะที่ดีและ สร้างชุมชนที่เข้มแข็งได้อีกด้วย

………………………………………..

เรื่องโดย เทียนทิพย์  เดียวกี่ Team Content www.thaihealth.or.th

ข้อมูลจากงานเสวนา ตามสั่ง-ตามส่ง : บิดเมือง