กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลตรวจภาชนะบรรจุอาหารที่ทำด้วยพลาสติกสีดำ ระหว่างปี พ.ศ. 2556-2560 จำนวน 84 ตัวอย่าง พบว่ามีมาตรฐานทุกตัวอย่าง แนะเลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารให้เหมาะกับคุณสมบัติของวัสดุ เลือกใช้ภาชนะที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ใช้งานให้ถูกกับวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด และดูแลรักษาความสะอาดให้ดีเพื่อความปลอดภัยในชีวิต
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับนักวิจัยแห่งสหราชอาณาจักร ตรวจพบสารโบรมีน ตะกั่ว พลวง ปนเปื้อนภาชนะใส่อาหารที่ทำจากพลาสติกสีดำ เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ทำให้ผู้บริโภคไทยเกิดความกังวลว่า ภาชนะใส่อาหารที่ทำจากพลาสติกสีดำในประเทศไทยจะปลอดภัยหรือไม่ ในส่วนของประเทศไทยมีการกำกับดูแลความปลอดภัยของภาชนะบรรจุอาหารที่ทำด้วยพลาสติก ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 295 (พ.ศ. 2548) เรื่อง กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของภาชนะบรรจุที่ทำจากพลาสติก ซึ่งพลาสติกที่ใช้บรรจุอาหาร ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐาน ได้แก่ สะอาด ไม่มีสารอื่นออกมาปนเปื้อนกับอาหารในปริมาณ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ไม่มีสีออกมาปนเปื้อนกับอาหาร และต้องมีคุณภาพตามที่กำหนด ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของพลาสติก และห้ามใช้พลาสติกที่ทำจากพลาสติกใช้แล้ว (พลาสติกรีไซเคิล) มาบรรจุอาหาร
ทั้งนี้ ในระหว่างปี พ.ศ. 2556 – 2560 สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทำการตรวจวิเคราะห์ภาชนะพลาสติกสีดำที่ใช้บรรจุอาหาร ซึ่งผู้ประกอบการนำส่งเพื่อตรวจวิเคราะห์ตามข้อกำหนดของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 295 (พ.ศ. 2548) จำนวน 84 ตัวอย่าง ประกอบด้วย ถาด ถุง ถ้วย กล่องทั่วไป และกล่องสำหรับใช้กับไมโครเวฟ กระบวยและตะหลิว ตรวจวิเคราะห์โลหะอันตราย เช่น ตะกั่ว แคดเมียม และตรวจการเคลื่อนย้ายของสารเคมีที่อาจออกมาจากพลาสติก เช่น โลหะหนัก สารอินทรีย์ และสารอนินทรีย์ ผลการตรวจวิเคราะห์ พบว่า ทุกตัวอย่างได้มาตรฐาน
“อย่างไรก็ดี เพื่อความปลอดภัยในการใช้ภาชนะบรรจุอาหาร ประชาชนควรใช้ให้ถูกประเภทเหมาะกับคุณสมบัติของวัสดุ เช่น หากใส่อาหารร้อน ควรใช้พลาสติกชนิดทนความร้อนได้ และใช้พลาสติกแบบที่ทนความเย็นได้สำหรับอาหารแช่แข็ง หากต้องการใช้กับเตาไมโครเวฟ ควรเลือกชนิดที่รับรองว่าใช้กับเตาไมโครเวฟ และเลือกใช้ของที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เช่น มีเครื่องหมาย มอก. มีฉลากแจ้งข้อมูลผู้ผลิต
มีวิธีใช้ และจะต้องใช้งานให้ถูกวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ด้วย เช่น ถุงใส่ขยะ กะละมังซักผ้า กระป๋องใส่สี ตะกร้าใส่ของ สิ่งเหล่านี้ห้ามนำมาใช้ใส่อาหาร นอกจากนี้ ควรดูแลรักษา ล้าง ขัดถู อย่างระมัดระวัง ไม่ขูดทำลายผิวภาชนะ ซึ่งอาจทำให้เป็นที่สะสมของเศษอาหาร ควรล้างให้ดี ผึ่งให้แห้ง และต้องสังเกตภาชนะว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ สีเปลี่ยนไปหรือไม่ มีรอยแตก ร้าว เปราะเสื่อมสภาพหรือไม่ ทั้งนี้หากไม่แน่ใจควรเปลี่ยนใหม่ดีกว่า” นายแพทย์สุขุม กล่าวทิ้งท้าย