วันที่ 13 ก.ค. 2563 ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา “โครงการต่อยอดเชื่อมโยงด้านการพัฒนานวัตกรรมและการตลาดในกลุ่มธุรกิจ SME เกษตร” ภายใต้กรอบความร่วมมือ 3 หน่วยงาน คือ วว. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ตามแผนยุทธศาสตร์การเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการ
ผู้บริหารของพันธมิตรให้เกียรติร่วมกิจกรรมในโอกาสนี้ ได้แก่ นายภานิต ภัทรสาริน ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. นางสาวศศิธร มาเมือง ผู้จัดการส่วนบริหารเครือข่ายและที่ปรึกษาผู้ประกอบการ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้า ธสน. นายเรืองชัย เจริญกิจสุพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพัฒนา SME และ Startup ธ.ก.ส. รวมทั้งผู้บริหาร และทีมงานของทั้ง 3 หน่วยงาน โดยมีผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจ SME เกษตร จากทั่วประเทศ 40 บริษัทที่เข้าร่วมโครงการฯ เข้าสัมมนาจำนวน 60 ท่าน ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร Admin วว. เทคโนธานี คลองห้า จ.ปทุมธานี
การจัดสัมมนาดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนา SME และ Startup ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง แข่งขันกับตลาดภายในและต่างประเทศได้ เพื่อเติมความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ๆ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ให้เกิดการพัฒนาในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในการเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจ มีช่องทางการตลาดมากขึ้น และสามารถเข้าถึงแหล่งทุนจากสินเชื่อของธนาคาร รวมทั้งเพื่อจัดทำแผนการพัฒนา SME ไปในทิศทางการพัฒนาธุรกิจ ในรูปแบบการใช้นวัตกรรมสมัยใหม่และเทคโนโลยี เข้ามาช่วยในการพัฒนาตัวสินค้ให้ตรงกับความต้องการของตลาด
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า ฐานรากเศรษฐกิจหลักของประเทศไทย ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมหภาพ ได้แก่ ธุรกิจ SME และ Startup ซึ่งธุรกิจนี้มีความเชื่ยมโยงกันตลอดห่วงโซ่ถึงในระดับฐานราก มีการเกื้อกูลกันตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยใช้กระบวนการความร่วมมือ ช่วยเหลือ แบ่งปัน เกิดการจ้างงาน สร้างคน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ดังนั้นการที่หน่วยงานภาครัฐได้มีการจับมือกัน เพื่อร่วมกันที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME และ Startup ให้มีความเข้มแข็ง
ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการเป็นอย่างยิ่ง เช่น เสริมความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มช่องทางธุรกิจและเติมโอกาสทางธุรกิจ สร้างช่องทางการตลาด ตลอดจนการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อขยายธุรกิจ ซึ่งเป็นแนวทางในการก้าวสู่การมีธุรกิจที่มั่นคง และในระดับธุรกิจฐานรากก็จะมีการเชื่อมโยงวัตถุดิบจากผู้ผลิตระดับต้นน้ำ ให้เข้ามาสู่เครือข่ายทั้งกระบวนการ และยังมีส่วนงานจากภาครัฐ เข้ามาช่วยกันพัฒนาและนำเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆตลอดจนเสริมสร้างองค์ความรู้ต่างๆเพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมั่นคงยั่งยืน
“…กิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการ SME และ Startup ทั้ง 40 บริษัทตามโครงการอาศัยความชำนาญเฉพาะของส่วนงาน กระบวนการต้นน้ำและกลางน้ำขับเคลื่อนโดย ธ.ก.ส. ปลายน้ำผลักดันโดย ธสน. โดยมี วว. สนับสนุนเทคโนโลยี นวัตกรรม และมาตรฐาน ตลอดห่วงโซ่ธุรกิจเป็นกิจกรรมขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถส่งออกผลผลิตและผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายยังต่างประเทศและสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ วว. มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินงานด้านเกษตรปลอดภัย และออแกนิค เพราะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม จะช่วยเปิดประตูการส่งออกได้ การพัฒนาสินค้า ผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน โดยนำนวัตกรรมมาขับเคลื่อนผ่านการดำเนินงานของทั้ง 3 หน่วยงาน จะช่วยสร้างความเข้มแข็งด้านการส่งออก สร้างรายได้กลับเข้าสู่ประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นคำตอบให้ผู้ประกอบการในช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19 ในการหาช่องทางใหม่ๆ เพราะทุกวิกฤตจะมีโอกาสเสมอ…” ผู้ว่าการ วว. กล่าว
นายภานิต ภัทรสาริน ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันจะมุ่งนำนวัตกรรมเข้ามาใช้เพิ่มมูลค่าและการสร้างความแตกต่าง โดยเฉพาะภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทุกธุรกิจจะต้องปรับตัวใหม่ทั้งระบบ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยมีสิ่งที่เพิ่มขึ้นคือต้นทุนในกระบวนการผลิต/การประกอบการ ทั้งนี้ ธ.ก.ส.จึงมุ่งสนับสนุนให้นำนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มมูลค่าการผลิต ช่วยลดต้นทุน ให้เป็นเครื่องมือต่อสู้ทางการค้า จะทำให้ผู้ประกอบการได้เปรียบคู่ค้าในที่สุด
“…ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจ 2 อย่างเติบโต คือ ระบบการจ่ายเงินและระบบการขนส่งสินค้า ผู้ประกอบการจะต้องนำ 2 สิ่งนี้มาเป็นเครื่องมือต่อสู้ขับเคลื่อนธุรกิจ ธ.ก.ส.มุ่งสร้างผู้ประกอบการหรือหัวขบวนที่เข้มแข็งกว่ามาช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับลูกค้าที่อ่อนแอกว่า เพราะตลาดในปัจจุบันไม่ได้วัดที่ปริมาณ แต่วัดที่มูลค่า ทุกอย่างต้องเอารายได้เป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาปริมาณเป็นตัวตั้ง นอกจากนี้ จะต้องให้ความสำคัญในการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นโอกาสของประเทศไทย ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเป็นโอกาสที่ดีของภาคการเกษตร เพราะเป็นต้นน้ำ ไทยต้องเข้มแข็งต่อไปในโลก…” ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าว
……………………………………………………