ก.ล.ต.เสนอแนวทางปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.มีมติเห็นชอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ให้เป็นการออมที่รองรับการเกษียณมากยิ่งขึ้นสร้างกลไก ช่วยให้สมาชิกมีนโยบายการลงทุนที่เหมาะสม รวมทั้งผลักดันและส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้หลังเกษียณที่เพียงพอ ซึ่งจะสอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “ในปี 2564 ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ จากการเพิ่มสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ เป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ ในขณะที่แรงงานในระบบส่วนใหญ่ยังมีรายได้หลังเกษียณที่ไม่เพียงพอ การออมเพื่อการเกษียณจึงเป็นวาระแห่งชาติที่มีการบรรจุทั้งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ในปัจจุบัน PVD ซึ่งเป็นแหล่งเงินออมสำคัญรองรับการเกษียณแก่ลูกจ้าง ยังมีสมาชิกเพียง 3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนลูกจ้างภาคเอกชนในระบบ และมีจำนวนสมาชิกที่ได้รับเงินหลังเกษียณมากกว่า 3 ล้านบาทซึ่งเป็นจำนวนเงินขั้นต่ำที่พึงมี”เพียงร้อยละ 24 ของจำนวนสมาชิก PVD เท่านั้น”
ก.ล.ต.จึงได้เสนอหลักการการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพพ.ศ. 2530 เพื่อเพิ่มศักยภาพ PVD ให้รองรับการเกษียณของลูกจ้างและช่วยผลักดันให้แรงงานในระบบมีรายได้หลังเกษียณที่เพียงพอ ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.มีมติเห็นชอบในการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 9/2563 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563
โดยมีหลักการสำคัญ 4 ด้าน ดังนี้
(1) สนับสนุนให้นายจ้างที่มี PVD เป็นสวัสดิการอยู่แล้วจัดให้ลูกจ้างสมัครเป็นสมาชิกได้โดยอัตโนมัติเว้นแต่ลูกจ้างจะปฏิเสธ
(2) ส่งเสริมกลไกที่ช่วยให้สมาชิกมีนโยบายการลงทุนที่เหมาะสมโดยกำหนดให้กองทุนเลือกนโยบายการลงทุนให้แบบอัตโนมัติสำหรับสมาชิกที่ไม่เลือกนโยบายการลงทุนด้วยตนเองที่สอดคล้องกับคุณลักษณะของสมาชิกเช่น อายุ ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
(3) เพิ่มประสิทธิภาพ PVD เช่นการปรับปรุงกลไกการคุ้มครองสมาชิกให้ได้รับความเป็นธรรม โดยกำหนดคุณสมบัติ บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนการแจ้งให้สมาชิกทราบถึงความเพียงพอของเงินออม โดยการนำเสนอการคาดการณ์เงินออมยามเกษียณการกำหนดมาตรฐานข้อบังคับและการรับจดทะเบียน PVD เพื่อลดภาระกับภาคเอกชน และการเพิ่มความยืดหยุ่นในการออมให้ลูกจ้าง และ
(4) การพัฒนา PVD เพื่อรองรับร่าง พ.ร.บ. กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติซึ่งเป็นกองทุนการออมภาคบังคับของแรงงานภาคเอกชนในระบบ
……………………………………………………………….