ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) และนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัว “วอลเล็ต สบม.” โดยมี นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นางสาวภัทรวสี สุวรรณศร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด และนายเดช ฐิติวณิช ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมเป็นสักขีพยานในการแถลงข่าว
“วอลเล็ต สบม.” หรือวอลเล็ต สะสมบอนด์มั่งคั่ง มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) และเข้าถึงพันธบัตรออมทรัพย์ได้ง่าย สะดวกสบาย และเท่าเทียมกัน โดยเป็นโครงการนำร่องที่นำเทคโนโลยีมาใช้จำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ผ่านกระเป๋าตังค์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ซึ่งเป็นการต่อยอดแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ซึ่งได้ออกแบบโครงสร้างใหม่ให้เป็นระบบการเงินแบบเปิด สามารถรองรับวอลเล็ตได้หลายตัวพร้อมๆ กัน และเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain ภายใต้โครงการ MOF Blockchain ที่ได้ริ่เริมพัฒนาตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนระบบการเงินในโลกแห่งอนาคตที่ต้องคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ ความรวดเร็ว ความโปร่งใส และลดโครงสร้างต้นทุน ผ่านการลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและไม่จำเป็นออกไป การเปิดตัวการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มทางการเงินร่วมกันของประเทศในครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้พันธบัตรออมทรัพย์เป็นรูปแบบการลงทุนตามเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง (Technology-wise) ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพระบบงานของภาครัฐ ปรับลดกระบวนงานภาครัฐ ลดความยุ่งยากในการติดต่อกับตัวแทนจำหน่าย รวมถึงการใช้ e-Document เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับพันธบัตรออมทรัพย์ ซึ่งโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจาก ธปท. และ TSD ที่สนับสนุนโครงการนำร่องนี้ และในอนาคตจะมีการต่อยอดกับการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) ตลาดทุนไทยของ ก.ล.ต. ที่จะรองรับทุกกิจกรรมที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ทั้งในตลาดแรกและตลาดรองอีกด้วย
“วอลเล็ต สบม.” ได้มีการลดหน่วยลงทุนให้มีขนาดเล็กลงจากเดิมที่ต้องซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ขั้นต่ำ 1,000 บาท เป็นการลงทุนขั้นต่ำเพียง 100 บาทเท่านั้น เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินของประชาชนทุกกลุ่ม ผู้ลงทุนสามารถดำเนินการได้เองอย่างสะดวกด้วยตนเองผ่าน e-Wallet ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านระบบ e-KYC โอนเงินเพื่อซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ได้จากทุกธนาคารเข้าวอลเล็ต สบม. เช็คประวัติการซื้อพันธบัตรได้ทันทีแบบ Real-time รวมถึงดาวน์โหลด/แจ้งความจำนงเกี่ยวกับเอกสารต่างๆ เช่น หนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย การออกหนังสือค้ำประกันวงเงิน เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสมุดพันธบัตร (Bond Book) โดยจะสามารถเช็คประวัติการซื้อพันธบัตรในวอลเล็ต สบม. แทน
พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลังจะเปิดให้มีจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์รุ่น “วอลเล็ต สบม.” ให้แก่บุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 1.70 ต่อปี วงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท วงเงินซื้อต่อรายตั้งแต่ 100 – 500,000 บาท โดยจะเปิดจำหน่ายตั้งแต่วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563 เวลา 8.30 น. ซึ่งผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเป๋าตัง ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านวอลเล็ต สบม. ได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดการจำหน่าย ดังนี้
การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์รุ่น วอลเล็ต สบม. ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | |
วงเงินจำหน่าย | วงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท |
รุ่นอายุและอัตราดอกเบี้ย | อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 1.70 ต่อปี |
ระยะเวลาลงทะเบียน
และวันจำหน่าย |
ลงทะเบียนผ่านวอลเล็ต สบม. : 19 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป
วันจำหน่าย : 24 มิถุนายน – 14 สิงหาคม 2563 |
วงเงินซื้อต่อราย | หน่วยละ 1 บาท โดยซื้อขั้นต่ำ 100 บาท – ขั้นสูง 500,000 บาท
และซื้อเพิ่มครั้งละ 100 บาท (ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการเข้าซื้อ) |
ผู้มีสิทธิ์ซื้อ | บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป
(ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ จะต้องให้ผู้ปกครองให้ความยินยอม ณ ธนาคารกรุงไทยฯ) เอกสาร 1. บัตรประชาชนของผู้เยาว์และผู้ปกครอง 2. ทะเบียนบ้าน |
การจ่ายดอกเบี้ย | จ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 งวด ผ่านวอลเล็ต สบม. ในวันที่ 24 ธันวาคมและวันที่ 24 มิถุนายนของทุกปี |
วันครบอายุไถ่ถอน | 24 มิถุนายน 2566 |
ช่องทางการจำหน่าย | วอลเล็ต สบม. ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง |
ผู้สนใจสามารถสอบถามเกี่ยวกับการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเป๋าตัง การลงทะเบียน การใช้งานวอลเล็ต สบม. ได้ที่ Call Center โทร. 02-111-1111 หรือที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา
…………………………………………………………………………………………