สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย เป็นนักศึกษาชาวไทย เพศหญิง อายุ 25 ปี เดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกา และเข้ารับการเฝ้าระวังในสถานที่รัฐจัดให้
ไม่มีผู้ป่วยกลับบ้าน ยอดผู้ป่วยกลับบ้าน สะสม 2,987 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.28 ของผู้ป่วยทั้งหมด
มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 90 ราย หรือร้อยละ 2.87 ของผู้ป่วยทั้งหมด
ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,135 ราย
ขณะนี้สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ เป็นเวลา 20 วันแล้ว โดยผู้ติดเชื้อยังคงเป็นผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ และยังมีคนไทยจากต่างประเทศทยอยกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการกำหนดจำนวนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศอย่างจำกัดและเหมาะสม เพื่อให้สามารถบริหารจัดการสถานที่เฝ้าระวังกักตัวและการดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุข
ขอย้ำเตือนประชาชน ไม่ควรประมาท โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลมีการผ่อนปรนมากขึ้นจนเกือบเข้าสู่สถานการณ์ปกติ อาจทำให้มีความเสี่ยงในการรับและแพร่เชื้อหากไปในพื้นที่แออัดและมีคนจำนวนมาก ขอให้ยังคงเข้มการปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะมาตรการป้องกันส่วนบุคคล เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ไม่ใส่เฟซชิลด์โดยไม่สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการพบปะหรือการชุมนุมกันเป็นกลุ่มก้อน จำกัดเวลาในการอยู่สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง และออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันตนเองและคนรอบข้าง
สำหรับกรณีกรุงปักกิ่งนับเป็นบทเรียนที่น่าสนใจ จากการที่พบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่จำนวน 36 ราย ที่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับตลาดค้าส่งอาหารสดนั้น เป็นข้อสังเกตว่าถึงแม้จะไม่มีรายงานการแพร่ระบาดมาเป็นเวลานาน แต่อาจมีการแพร่เชื้อเกิดขึ้นใหม่ได้ตลอด ส่วนการพบวัตถุดิบหรืออาหารดิบมีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 นั้น ต้องรอการตรวจสอบเพิ่มเติม
ดังนั้น นอกจากการเข้มมาตรการป้องกันส่วนบุคคลแล้ว หากไปตลาดสด ประชาชนควรระมัดระวังการรับเชื้อ โดยวางแผนการจับจ่ายซื้อของ เลือกร้านและวัตถุดิบที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ภายหลังการสัมผัสวัตถุดิบควรรีบล้างมือด้วยน้ำและสบู่ รีบซื้อและรีบกลับบ้านทำความสะอาดร่างกาย ล้างมือก่อนปรุงอาหาร ทำความสะอาดวัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหาร และทานอาหารที่ปรงสุกด้วยความร้อนอยู่เสมอ
……………………………………………………………………………..