กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวรายการออนไลน์ “เจรจาชวนมาคุย” ประเดิมสัมภาษณ์ผู้ประกอบการและเกษตรกรรุ่นใหม่ แชร์ประสบการณ์และมุมมองการค้า พร้อมแนะช่องทางเพิ่มยอดขาย เน้นใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายตลาดส่งออก หวังสร้างแรงบันดาลใจและเป็นต้นแบบฝ่าวิกฤตโควิด-19
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดตัวรายการออนไลน์ “เจรจาชวนมาคุย” โดยเผยแพร่ผ่านทาง Facebook และ YouTube ของกรมฯ ซึ่งได้เชิญผู้ประกอบการและเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมของกรมฯ อาทิ ลงพื้นที่ ประกวดแผนธุรกิจ และบุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และให้มุมมองการดำเนินธุรกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่พลิกวิกฤติเป็นโอกาส สามารถเพิ่มยอดขายและขยายตลาดส่งออกไปต่างประเทศได้ โดยประเดิมสัมภาษณ์นายณัฐกิตติ์ จิตต์ปราณีชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยยังเกอร์ฟาร์ม จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ข้าวแต๋นมินิอบกรอบ “Younger Farm” และนายมานพ แก้วโกย ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ขวัญทุ่งกุลา และหุ้นส่วนผู้จัดการบริษัท เนเจอร์ฟู้ด โปรดักส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
นายณัฐกิตต์ ให้ข้อมูลว่า บริษัทฯ ใช้ข้าวกล้องไทยเป็นวัตถุดิบผลิตขนมอบกรอบ มี 3 รสชาติ คือ รสหมาล่า ไข่เค็ม และวาซาบิ โดยวางจำหน่ายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตและมินิมาร์ททั่วประเทศ และส่งออกไปตลาดต่างประเทศ ได้แก่ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการทำตลาด เพราะได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค และพัฒนารสชาติให้ถูกปากชาวเอเชีย และใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอส่งสินค้าไปจีนและอาเซียน สำหรับในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากประเทศผู้นำเข้า อาทิ จีน สิงคโปร์ และกัมพูชา ที่ปิดเมืองและยกเลิกคำสั่งซื้อ แต่พยายามหาลูกค้าใหม่ในประเทศที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก พร้อมเตรียมออกสินค้าใหม่หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะจีนที่เริ่มเปิดเมืองแล้ว และเชื่อว่าจะต้องการสินค้าจากไทยมากกว่าเดิม
ด้านนายมานพ ให้ข้อมูลว่า บริษัทฯ ได้ทำตลาดให้กับกลุ่มเกษตรกรที่ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ อาทิ ข้าวอินทรีย์ ข้าวโพดหวานราชินีทับทิมสยาม และกล้วย ซึ่งที่ผ่านมา ได้ทำสัญญารับซื้อผลผลิตกับสมาชิกล่วงหน้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกร โดยส่งออกไปเยอรมนี สวีเดน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่จากสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ทำให้ส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะร้านอาหารและโรงแรมในต่างประเทศที่ยกเลิกคำสั่งซื้อ อีกทั้งไม่สามารถเดินทางไปเจรจาธุรกิจกับต่างประเทศได้ ขณะที่ในประเทศก็ไม่สามารถลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกรเช่นกัน แต่เห็นว่าวิกฤติยังมีโอกาส จึงได้เร่งทำการตลาดกับประเทศเมืองหนาว และประเทศที่มีผลผลิตทางการเกษตรน้อย โดยเฉพาะในแถบยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งปรากฏว่าขายดีและมียอดสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าหลังสถานการณ์คลี่คลาย ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพและปลอดภัยจะเติบโตเร็ว
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการทั้งสองรายยังแนะนำให้ปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจ เน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่เน้นอาหารสุขภาพและปลอดภัย รวมถึงอาหารแปรรูปที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน และพยายามยกระดับสินค้าให้ได้มาตรฐานเพื่อเพิ่มยอดส่งออก รวมทั้งหาแต้มต่อจากประเทศคู่ค้าที่ทำเอฟทีเอกับไทย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเพราะไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามชมคลิปรายการ “เจรจาชวนมาคุย” ได้ที่เพจ Facebook : กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และ YouTube : DTNChannel
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
8 มิถุนายน 2563