วันที่ 8 มิถุนายน 2563 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ บินสำรวจและติดตามสถานการณ์ผักตบชวาและวัชพืชในลุ่มน้ำภาคกลาง (แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำน้อย คลองรังสิตประยูรศักดิ์) จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการติดตามสถานการณ์ผักตบชวาและวัชพืช ในลุ่มน้ำภาคกลาง ณ ห้องเตรียมบิน กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ของปัญหาผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำ และได้ติดตามผลการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทางน้ำในการคมนาคมเป็นประจำ และเตรียมความพร้อมรับมือกับน้ำหลากในช่วงฤดูฝนนี้ จึงได้มอบหมายให้ 4 หน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ที่มีการสะสมของผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำสายหลักและแหล่งน้ำเชื่อมโยง ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เร่งรัดดำเนินการกำจัดผักตบชวาให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในส่วนของกรมชลประทาน รับผิดชอบแม่น้ำสายหลัก 3 แห่ง ในลุ่มน้ำภาคกลาง ได้แก่ แม่น้ำท่าจีน บริเวณประตูระบายน้ำพลเทพ จนถึง ประตูระบายน้ำโพธิ์พระยา รวมระยะทาง 120 กิโลเมตร มีปริมาณผักตบชวา ประมาณ 13,680 ตัน แม่น้ำน้อย บริเวณประตูระบายน้ำบรมธาตุจนถึงประตูระบายน้ำผักไห่รวมระยะทาง 97 กิโลเมตร มีปริมาณผักตบชวาประมาณ 16,320 ตัน และคลองรังสิตประยูรศักดิ์ คลองสอง คลองสาม และคลองหกวา มีปริมาณผักตบชวารวมกันประมาณ 15,600 ตัน โดยทั้งประเทศ กรมชลประทาน มีแผนการดำเนินงานกำจัดผักตบชวารวมทั้งสิ้นประมาณ 2,585,141 ตัน ปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 1,513,590 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 59 ของแผนงานฯ ทั้งประเทศ
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้เร่งดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง ให้ทันก่อนจะมีน้ำเหนือจะไหลหลากลงมา แม้จะเป็นเรื่องลำบากในการกำจัดผักตบชวาให้หมดไป เนื่องจากเป็นพืชที่สามารถแพร่พันธุ์และเติบโตได้เร็วมาก หากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง จะช่วยลดปัญหาผักตบชวาและวัชพืชในน้ำได้อย่างยั่งยืน
………………………………………………………………….