ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้ประเทศเป็นอย่างมากและมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้มีอัตราการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นดังจะเห็นได้ว่าธุรกิจการบริการด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลสำนักงานสถิติจังหวัดภูเก็ตในปี 2560 การเติบโตทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวชี้ให้เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตปีละกว่า 13 ล้านคน โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศกว่า 10 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 71.0 ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทั้งหมดและจำนวนนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น จีน รัสเซีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออก โดยมีรายได้จากการท่องเที่ยวหมุนเวียนในภาคธุรกิจต่างๆ มากกว่า 300,000 ล้านบาท ซึ่งมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 ของทุกจังหวัดในภาคใต้
ในขณะเดียวกันประชาชนและนักท่องเที่ยวมีการสัญจรทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ส่งผลทำให้ประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทุกด้าน ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งนำมา ซึ่งความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ตกรณีเรือโดยสารนักท่องเที่ยวล่มที่อ่าวฉลอง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตจำนวน 47 ราย เป็นที่เศร้าสลดใจของทุกคนที่ได้รับทราบข่าว แต่เนื่องจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ทำประกันอุบัติเหตุเดินทางสำหรับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ไว้ รวมถึงเรือลำดังกล่าวได้ทำประกันภัยผู้โดยสารเรือสำหรับผู้โดยสารไว้ตามที่กฎหมายกำหนดทำให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพื่อเป็นการเยียวยาแก่ทายาทของนักท่องเที่ยวอันเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนรายละ 1,100,000 บาท บวกกับที่รัฐบาลช่วยเยียวยาจากกองทุนเยียวยานักท่องเที่ยวอีกจำนวน 1,000,000 บาท ทำให้มีเงินจำนวนหนึ่งที่ช่วยเยียวยาความสูญเสียของทายาทผู้สูญเสีย สำหรับความคืบหน้าล่าสุดในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทของนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตทั้ง 47 ราย ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ.จังหวัดภูเก็ต ว่า บริษัทประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนไปแล้วจำนวน 36 รายๆละ 1,100,000 บาท รวมเป็นเงิน 39,600,000 บาท ที่เหลืออีก 11 ราย เอกสารไม่ครบถ้วน โดยพบว่าทายาทของผู้เสียชีวิต 6 ราย ส่งเลขที่บัญชีผิดจึงไม่สามารถโอนเงินให้ได้และอีก 5 ราย ขาดเอกสารของผู้เสียชีวิตและทายาท ซึ่งขณะนี้บริษัทประกันภัยอยู่ระหว่างการประสานข้อมูลกับทายาทของผู้เสียชีวิตเพื่อให้ยื่นเอกสารเพิ่มเติมเพื่อจะได้ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างเร่งด่วนต่อไป
สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย ตลอดจนเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ได้ใช้ประโยชน์จากระบบประกันภัย รวมทั้งสามารถคุ้มครองสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการประกันภัย ดังนั้นจึงได้กำหนดให้จัดโครงการส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยแก่ผู้ประกอบการและบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับกรมธรรม์และสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561 ณ โรงแรมเพิร์ลภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม รีสอร์ท บริษัทนำเที่ยว มัคคุเทศก์ พนักงานลูกจ้างในสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่ได้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้กว่า 200 คน เกิดความตระหนักถึงความสำคัญและใช้ประโยชน์จากระบบประกันภัย รวมทั้งเสริมสร้างภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมประกันภัยและใช้ระบบการประกันภัยในการบริหารความเสี่ยง โดยแบ่งการอบรมให้ความรู้ออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเช้าเป็นการให้ความรู้ภายใต้หัวข้อ “ความรู้เรื่องการประกันรถยนต์และการประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยงของนักท่องเที่ยว” โดยมีนางสาวทัศนวรรณ เชาว์ดำรงสกุล หัวหน้ากลุ่มกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยสำหรับบุคคล สำนักงาน คปภ. และนางสาวนัฏพร กีชานนท์ ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย สำนักงาน คปภ. เป็นผู้บรรยายให้ความรู้ ส่วนในช่วงบ่าย เปิดเป็นเวทีเสวนาเกี่ยวกับปัญหาการจัดการความเสี่ยงของนักท่องเที่ยวและความรับผิดชอบของผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีวิทยากรจาก สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 ชมรมประกันวินาศภัยภูเก็ต ชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวภูเก็ตและ สำนักงาน คปภ. จังหวัดภูเก็ต
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ด้านการท่องเที่ยวได้มีความรู้ความเข้าใจสามารถเข้าถึงการประกันภัย และเลือกใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งสามารถนำความรู้ด้านการประกันภัยไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และขยายผลไปสู่ครอบครัวและคนรอบข้างได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นและเพื่อเป็นการรณรงค์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านการท่องเที่ยว รวมถึงนักท่องเที่ยว ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัย และได้รับรู้ถึงประโยชน์รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ควรจะได้รับจากระบบประกันภัย อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจประกันภัยให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนทุกกลุ่มและเสริมสร้างภาพลักษณ์ตลาดการท่องเที่ยวไทยให้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการขยายตัวของรายได้ จากภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายของหน่วยงานต่างๆที่บังคับให้ผู้ประกอบการต้องมีการจัดการบริหารความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของตนอีกด้วย