ในยุคที่ Digital Technology มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความท้าทายและความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของ ทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งธุรกิจประชาสัมพันธ์หรือพีอาร์ ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องปรับตัวและก้าวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคพร้อมกับปรับกลยุทธ์ เพิ่มการให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างที่นำไปสู่ความได้เปรียบทางการแข่งขัน และตอบโจทย์ความต้องการที่เป็นโซลูชั่นใหม่สำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น
บริษัท พริสไพออริตี้ จำกัด ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ ให้บริการด้านกลยุทธ์การตลาดแบบครบวงจรตอบโจทย์การตลาด ทั้งการสร้างแบรนด์ และประชาสัมพันธ์ออนไลน์และออฟไลน์ให้กับลูกค้าธุรกิจและองค์กรต่างๆ ที่มีประสบการณ์กว่า 16 ปี เดินหน้ารับกระแสธุรกิจยุคดิจิทัล พร้อมปรับแผนแนวรุกเสริมแกร่ง ลุยขยายธุรกิจ เพิ่มบริการใหม่ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รองรับเทรนด์และการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดยุคใหม่ หรือ Marketing 5.0 ที่กำลังจะมาถึง
ทัชชารตี ณ ระนอง Digital Content Creator กรรมการผู้จัดการ บริษัท พริสไพออริตี้ จำกัด กล่าวว่า ทิศทางอุตสาหกรรมประชาสัมพันธ์ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะพฤติกรรมการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ทำให้เราต้องปรับตัวและเรียนรู้การใช้สื่อโซเซียลมีเดียอย่างถูกวิธีและเตรียมบุคลากร เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจและขยายบริการด้านการสื่อสารที่ครบวงจรมากขึ้น นอกเหนือจากการทำ พีอาร์ การวางแผนซื้อโฆษณา และจัดอีเวนท์ โดยบริษัทได้เพิ่มการให้บริการ Content Creator เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพของบริษัทในการต่อยอดการทำงานบนโลกดิจิทัล ที่สามารถตอบสนองความต้องการของแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดกลยุทธ์ด้านการสื่อสาร กลยุทธ์ด้านเนื้อหา กลยุทธ์ช่องทางการสื่อสาร ตลอดจนการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดีต่อแบรนด์และผู้บริโภคในรูปแบบของ Content Marketing และ Content Strategy เป็นต้น
ภาพรวมของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทยังคงได้รับการไว้วางใจและการตอบรับที่ดีของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจประเภทผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ความงาม สิ่งอำนวยความสะดวก ความบันเทิง ตลอดจนธุรกิจที่ต้องสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์องค์กร เป็นต้น ทามกลางการแข่งขันค่อนข้างสูง เนื่องจากปัจจุบันก็มีจำนวนผู้เล่นหน้าใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งบริษัทรายใหญ่ และรายย่อย แต่ท้ายสุดแล้วการตัดสินใจของลูกค้าก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอแผนงาน ซึ่งก็มีข้อดีแตกต่างกันไป อยู่ที่ว่าใครจะกล้านำเสนอสิ่งที่แตกต่างและน่าสนใจโดนใจลูกค้ามากกว่ากัน
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังต่อจากนี้ บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงาน พร้อมชูกลยุทธ์ 3C : Creative Content Creator สำหรับลูกค้าที่เน้นการสร้างชื่อเสียง สร้างแบรนด์ และภาพลักษณ์องค์กร โดยบริหารจัดการสื่อสารให้ลูกค้าสามารถกระจายข้อมูลและประสบการณ์ของแบรนด์ได้มากที่สุดด้วยการเพิ่มช่องทางการสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้เหมาะสมกับสื่อแต่ละประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสื่อสารผ่านช่องทางใหม่ๆ โดยร่วมงานกับเหล่า KOLs (Key Online Influencer) และบล็อกเกอร์ชั้นนำแขนงต่างๆ ซึ่งเป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่ม Earned Media ในการกระจายคอนเทนต์ที่รวดเร็ว และตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมองถึงโอกาสในการเข้าไปเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะการเสนอขยายงานกับภาครัฐ และหน่วยงานราชการต่างๆ รองรับการเติบโตในอีก 5-10 ปีข้างหน้า โดยปีนี้วางเป้าหมายรายได้เติบโตไว้ที่ 20%
“เราเชื่อมั่นในการดำเนินการด้วยความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจการสร้างแบรนด์ และพร้อมผลักดันให้บริษัท เติบโตไปสู่การเป็น Full Service Agency ในยุคดิจิทัล โดยสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรและทีมงานในการก้าวสู่ผู้นำการเปลี่ยนแปลงสู่ธุรกิจดิจิทัลชั้นนำของเมืองไทย ที่มีพร้อมและความเชี่ยวชาญทั้งด้านโปรดักชั่น ครีเอทีฟ ตลอดจนดิจิทัลพีอาร์และคอนเทนต์ที่แตกต่าง พร้อมต่อการขยายธุรกิจและเติบโตของ พริสไพออริตี้ ต่อไปในอนาค” คุณทัชชารตี กล่าวทิ้งท้าย