ปัญหาการเดินติดขัดเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากถึง 60% ในผู้ป่วยพาร์กินสัน ซึ่งผู้ป่วยมีอาการเดินซอยเท้าถี่เป็นช่วง ๆ ไม่ได้เป็นตลอดเวลา ก้าวเท้าไม่ออก มีความรู้สึกเหมือนเท้าติดอยู่ที่พื้น และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยพาร์กินสันหกล้ม การรักษาอาการเดินติดขัด เน้นในเรื่องของการรับประทานยา ร่วมกับการฝึกก้าวเดิน โดยอาศัยอุปกรณ์ช่วยเดินที่มีลักษณะพิเศษ เป็นไม้เท้าที่สามารถให้แสงกระตุ้นการเดินเมื่อผู้ป่วยนั้นมีอาการเดินติดขัด ซึ่งไม้เท้านี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงพระราชทานนามว่า ‘ไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน’ เมื่อ ปี พ.ศ. 2553
ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันและกลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติ แห่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้พัฒนาไม้เท้าเลเซอร์พระราชทานนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เพื่อช่วยแก้ไขอาการเดินติดในผู้ป่วยพาร์กินสันโดยอาศัย แสงเลเซอร์สีเขียวที่ปล่อยออกมาจากไม้เท้า เมื่อผู้ป่วยมีอาการเดินติด เพื่อเป็นสัญญาณกระตุ้นทางสายตา (Visual cues) เพื่อให้ผู้ป่วยก้าวเดิน ซึ่งทางศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันฯ ได้ทำการศึกษาถึงประสิทธิภาพของไม้เท้าเลเซอร์พระราชทานนี้ว่าสามารถลดอาการเดินติด และทำให้ผู้ป่วยก้าวเดินได้ดีขึ้น เมื่อมีการฝึกใช้อย่างเหมาะสม ในตลอด 8 ปีที่ผ่านมาทางศูนย์พาร์กินสันได้พัฒนาไม้เท้าเลเซอร์พระราชทานนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยรุ่นล่าสุดนี้ ผู้ป่วยสามารถใช้ฝ่ามือกดที่หัวไม้เท้าให้ปล่อยแสงเลเซอร์ สามารถชาร์จไฟได้ต่อเนื่อง มีน้ำหนักเบา ตั้งได้ และมีความโค้งในส่วนปลายเพื่อลดโอกาสสะดุดของผู้ป่วย
บัดนี้ไม้เท้าเลเซอร์พระราชทานรุ่นล่าสุด ที่ได้รับการสนับสนุนจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย และความร่วมมือกับกรมกิจการผู้สูงอายุภายใต้แผนบูรณาการการสร้างความเสมอภาคเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุประจำปีงบประมาณ 2562 ได้แล้วเสร็จ พร้อมจำหน่ายและแจกให้แก่ผู้ป่วยพาร์กินสันที่มีอาการเดินติดขัดและมีความต้องการใช้ไม้เท้าดังกล่าวทั่วประเทศไทย
โดยผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อขอซื้อไม้เท้าเลเซอร์พระราชทานในราคา 2,500 บาท ได้ที่ ร้านจุฬาแคร์ อาคาร สธ (ผู้สูงอายุ) ชั้น 1 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย หรือร่วมสมทบทุน บริจาคไม้เท้า เพื่อมอบให้แก่ผู้ยากไร้ หรือ บริจาคเงิน เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดอุปกรณ์ช่วยเดินในการช่วยเหลือผู้ป่วยพาร์กินสัน และผู้สูงอายุที่มีปัญหาการเดินและการทรงตัว ได้ที่ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เลขที่ 407-138044-5 ชื่อบัญชี “ไม้เท้าเพื่อผู้ป่วยพาร์กินสัน” และส่งหลักฐานการโอนเงินมาที่ e-mail: info@chulapd.org
อนึ่ง ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิท-19 ส่งผลให้ผู้ป่วยพาร์กินสัน ผู้สูงอายุ และญาติมีความลำบาก ทั้งในด้านร่างกาย ภาวะของโรค และประสบภาวะเศรษฐกิจไม่อำนวย หากสามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ป่วย ผู้งอายุและญาติ ให้สามารถดูแลช่วยเหลือตัวเอง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในช่วงเวลาเช่นนี้ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันฯ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย จึงขอมอบไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน จำนวน 500 อัน แจกให้แก่ ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ทั่วประเทศไทย ที่มีความเดือดร้อนและต้องการใช้ไม้เท้าโดยไม่คิดมูลค่า โดย ผู้ที่ขอรับไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน ต้องเข้าเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
เกณฑ์การคัดเลือกผู้รับไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน
1. ผู้ป่วยพาร์กินสัน หรือผู้ป่วยทางระบบประสาทที่ปัญหาทางการเคลื่อนไหว
2. มีใบรับรองแพทย์แสดงว่าผู้ป่วยนั้นได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้ทำการรักษาว่า มีอาการเดินซอยเท้าถี่ และอาการเดินติดขัด ก้าวขาไม่ออก *
3. ยินดีให้ความร่วมมือกับศูนย์พาร์กินสันฯ ในการเก็บข้อมูลการใช้งาน เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดสร้างนวัตกรรมสำหรับผู้ป่วยในอนาคต
* หมายเหตุ: เนื่องจาก อาการเดินติดขัด สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยอื่น ๆ นอกเหนือจากโรคพาร์กินสัน ดังเช่น โรคพาร์กินสันเทียม โรคหลอดเลือดสมอง และโรคสมองเสื่อมบางชนิด และด้วยนโยบายของสภากาชาดไทย และกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต้องการให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึง ผู้ป่วยในกลุ่มดังกล่าวสามารถติดต่อเพื่อขอรับไม้เท้าเลเซอร์พระราชทานได้เช่นเดียวกัน ถ้าแพทย์ผู้ทำการรักษาของผู้ป่วยรายนั้นให้การรับรองว่ามีปัญหาการเดินติดขัดในกลุ่มดังกล่าว
ผู้ที่เข้าตามเกณฑ์การคัดเลือก หากประสงค์จะรับไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน ต้องทำการลงทะเบียนล่วงหน้าที่ website: www.chulapd.org และนำบัตรประชาชนตัวจริง พร้อมใบรับรองแพทย์ว่าเป็นโรคหรือมีอาการตามเกณฑ์ดังกล่าว ติดต่อรับไม้เท้าเลเซอร์พระราชทานนี้ได้ที่ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันฯ อาคาร สธ ชั้น 12 ในวันอังคาร พุธ ศุกร์ เวลา 13.00-15.30 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป