ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน การประชุม VDO conference ติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ณ ห้องประชุมเทวกุล กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ว่า ในขณะนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ แต่ยังคงมีบางพื้นที่ที่ยังมีความต้องการน้ำฝน เพื่อการเกษตรรวมถึงเพื่อการอุปโภคและบริโภค เนื่องด้วยการกระจายตัวของฝนที่ตกลงมานั้นไม่ทั่วทุกพื้นที่ อาจเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงเร่งวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง พื้นที่ลุ่มรับน้ำที่มีปริมาณน้ำใช้การไม่เพียงพอ โดยให้ปฏิบัติการฝนหลวงตามข้อมูลที่มีการติดตามสถานการณ์เป็นประจำทุกวัน และจากข้อมูลการขอรับบริการฝนหลวง ตลอดจนการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ให้ปฏิบัติการฝนหลวงได้ในทันที
ในส่วนของการปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่ 3 กุมภาพันธ์ – 18 พฤษภาคม 2563 มีการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 11 หน่วยฯ ทั่วประเทศ ซึ่งได้มีการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง รวมเป็นจำนวน 94 วัน 2,156 เที่ยวบิน มีฝนตกจากการปฏิบัติการฝนหลวงคิดเป็นร้อยละ 97.87 และจังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 65 จังหวัด มีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 157.63 ล้านไร่ พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ รวม 108 แห่ง เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ 30 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 78 แห่ง คิดเป็นปริมาณน้ำต้นทุนที่สามารถเติมได้ รวม 250.77 ล้าน ลบ.ม. รวมถึงภารกิจยับยั้งและบรรเทาการเกิดพายุลูกเห็บ โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดอุดรธานี ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง รวมเป็นจำนวน 33 วัน 45 เที่ยวบิน โดยใช้พลุซิลเวอร์ไอโอไดด์ จำนวน 1,821 นัด เพื่อบรรเทาและยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ ทำให้ไม่พบรายงานการเกิดพายุลูกเห็บในพื้นที่เป้าหมายทั้งหมด 26 จังหวัด
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติม ทางกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังมีการปฏิบัติภารกิจเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายใต้โครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ ป่าพรุควนเคร็ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เพิ่อช่วยลดผลกระทบจากปัญหาความเค็มทะเลสาบสงขลา และการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ในการปฏิบัติภารกิจตักน้ำดับไฟป่า บริเวณพื้นที่ อ.สะเมิง อ.กัลยานิวัฒนา จ.เชียงใหม่ และภารกิจส่งถุงน้ำ
(Big Bag) ให้กับเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า บริเวณพื้นที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เพื่อนำน้ำไปปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าด้วย
นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะมีการปรับแผนปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศ ประจำปี 2563 โดย จะดำเนินการเปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มเติมเป็นจำนวน 12 หน่วยฯ ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดแพร่ จังหวัดตาก จังหวัดลพบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดอุดรธานี จังหวัดขอนแก่น จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดระยอง จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฏร์ธานี และจังหวัดสงขลา โดยใช้อากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 21 ลำ และอากาศยานที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ จำนวน 5 ลำ และเปิดฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 4 ฐาน ที่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดบุรีรัมย์