สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย (ทั้งหมดอยู่ในสถานกักตัวเฝ้าระวังโรคที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศปากีสถานและอียิปต์) ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 1 ราย รวมกลับบ้านสะสม 2,856 ราย คิดเป็นร้อยละ 94.31 ทำให้ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 116 รายหรือคิดเป็นร้อยละ 3.83 ของผู้ป่วยทั้งหมด ผู้เสียชีวิตสะสม 56 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 3,028 ราย
วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์อนุพงศ์ สุจริยากุล นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค และนายแพทย์บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย ร่วมแถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของประเทศจะดีขึ้น และในวันนี้รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขต่อไปให้เป็นนิสัย สร้างชีวิตวิถีใหม่ตามมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 โดยชีวิตวิถีใหม่ประชาชนให้คัดกรองตนเองว่าป่วยหรือเสี่ยงป่วย ประเมินความจำเป็นและวางแผนออกนอกบ้านให้สั้น เลือกสถานบริการมาตรฐานตามมาตรการของรัฐ ใช้เครื่องป้องกันสวมหน้ากาก เจลแอกอฮอล์ และให้ความร่วมมือตามมาตรการของสถานประกอบการ สำหรับชีวิตวิถีใหม่ของผู้ประกอบการที่กลับมาเปิดให้บริการ ขอให้จัดให้มีการลงทะเบียนจัดคิวล่วงหน้า จัดสถานที่รอ มีจุดคัดกรอง จุดบริการล้างมือ จัดสถานที่หรือบริการลดแน่น/ เว้นระยะทำความสะอาดจุดเสี่ยง สัมผัสร่วม ดูแลระบบระบายอากาศ งดจำหน่ายสุรา จำกัดเวลาบริการ และจำกัดบริการใกล้ชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอก 2
อย่างไรก็ตาม ขอให้คำนึงถึงสุขภาพอนามัยของตนเองและคนใกล้ชิดในครอบครัวเป็นสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่ออกนอกบ้าน เป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงที่อาจนำเชื้อเข้ามาให้คนในครอบครัว จำเป็นต้องคงเข้มในมาตรการเพื่อลดโอกาสการนำเชื้อจากนอกบ้านมาติดสมาชิกในครอบครัว โดยเว้นระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทุกครั้งที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงการรับประทานอาหารจากสำรับเดียวกัน วางแผนการเดินทางเมื่อต้องโดยสารรถสาธารณะเพื่อเลี่ยงความแออัดในช่วงเวลาเร่งด่วน หากไปในสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น ผู้คนแออัด ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อและโรคโควิด 19 จะกลับมาระบาดซ้ำได้ และหากพบว่าป่วย มีไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย ปวดเมื่อยตามตัว ให้ไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติที่ผ่านมา และหยุดอยู่บ้าน
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
ได้สำรวจการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ช่วงก่อนและหลังมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 1 (วันที่ 23-30 เม.ย.63 และ วันที่ 8-14 พ.ค. 63) จากกลุ่มตัวอย่าง 2 ครั้ง จำนวนเกือบ 40,000 ราย พบว่า ประชาชนมีพฤติกรรมการป้องกันส่วนบุคคลโดยรวมลดลง จากร้อยละ 77.6 เหลือ ร้อยละ 72.5
โดยการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทุกครั้ง จากร้อยละ 91.2 เหลือร้อยละ 91.0 การล้างมือด้วยสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง จากร้อยละ 87.2 เหลือร้อยละ 83.4 การกินร้อน ใช้ช้อนกลางของตนเองทุกครั้ง จากร้อยละ 86.1 เหลือร้อยละ 82.3 การระวังไม่อยู่ใกล้คนอื่น ในระยะน้อยกว่า 2 เมตรทุกครั้ง จากร้อยละ 65.3 เหลือร้อยละ 60.7 ไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก ทุกครั้ง จากร้อยละ 62.9 เหลือร้อยละ 52.9 กระทรวงสาธารณสุขห่วงใย ยังคงเข้มมาตรการป้องกันและขอให้ประชาชนอย่าประมาท