ดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานเร่งรัด ติดตาม เรื่องร้องเรียนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ครั้ง ที่ 4/2563 โดยมี ผู้บริหาร สช. และคณะทำงานเร่งรัด ติดตาม เรื่องร้องเรียนของ สช. เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมวิเวก ปางพุฒิพงศ์ ชั้น 2 อาคาร สช. เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ดร.อรรถพล กล่าวในที่ประชุมถึงประเด็นของการละเมิดสิทธิเด็กว่า นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และเห็นว่ากระบวนการสืบสวนค้นหาข้อเท็จจริง ต้องผ่านหน่วยงานจำนวนมาก ทั้งๆ ที่ ผู้ที่กระทำความผิดก็รับสารภาพแล้ว จึงได้รื้อระบบให้มีความรวดเร็วขึ้น โดย รมว.ศธ. ได้ลงนามจัดตั้งศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาขึ้น เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 เพื่อรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ประสานส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามกฎหมายกับครู บุคลากรทางการศึกษา และบุคคลอื่นในสังกัดที่กระทำการล่วงละเมิด รวมทั้งคุ้มครองช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา ที่ได้รับผลกระทบทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อันเนื่องมาจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศจากครู ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา บุคคลซึ่งปฏิบัติงานอื่น ในสังกัดหรือในกำกับกระทรวงศึกษาธิการเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพนั้น โดยหากพบเห็นเรื่องเหล่านี้สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วน 1579 ตลอด 24 ชั่วโมง
ดร.อรรถพล กล่าวอีกว่า ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ซึ่งกำกับดูแล สช. ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการกระทำผิดที่เกิดจากการล่วงละเมิดทางเพศ โดยได้กำชับให้ดำเนินการป้องกัน และสร้างการรับรู้ในเรื่องนี้ เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีร่วมกัน จากการดำเนินการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า กระทรวงศึกษาธิการได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมากเป็นอันดับต้นๆ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนที่หากพบว่าเด็กและเยาวชนโดนกระทำด้วยความไม่เป็นธรรมก็สามารถร้องเรียนเรื่องเข้ามาได้ที่ศูนย์ดังกล่าวนี้ ทางคณะทำงานซึ่งได้มีการบูรณาการหน่วยงานภายในกระทรวงศึกษาธิการมาทำงานร่วมกัน โดยผู้ปกครองและนักเรียนไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลที่จะเกิดขึ้น ถือเป็นการแก้ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศได้อย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับโรงเรียนเอกชนซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของ สช. ที่มีหน้าที่หลักในการดูแล ควบคุม และกำกับการจัดการศึกษาเอกชน ได้ให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชนเป็นอันดับหนึ่งมาตลอด มีความห่วงใยในปัญหาการละเมิดสิทธิของเด็กและเยาวชน จึงขอความร่วมมือให้บุคลากรของการศึกษาเอกชนทุกคน ทุกฝ่าย ร่วมกันดูแล เอาใจใส่ สอดส่อง เฝ้าระวัง ปกป้องคุ้มครองเด็กๆ และเยาวชนทุกคน ให้มีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยและมีความสุข และที่สำคัญต้องไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการละเมิดต่อสิทธิเด็ก เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาการละเมิดสิทธิเด็ก เช่น การช่วยกันสอดส่อง ดูแล ให้เด็กได้รับความปลอดภัย การให้การดูแล ปกป้อง คุ้มครองเด็กไม่ให้ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายต่างๆ ไม่ควรทำร้าย ร่างกาย จิตใจเด็กทั้งทางตรงและทางอ้อม เน้นปรับรูปแบบการสื่อสารในเชิงบวก อย่างมีเหตุมีผล ไม่ปล่อยให้เด็กตกอยู่ในสภาวะอันตรายทั้งจากบุคคล สังคม และสิ่งแวดล้อม ไม่มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนการกระทำใดๆ อันอาจเป็นการละเมิดต่อเด็ก เช่น การแชร์ภาพเด็ก การส่งต่อคลิปที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ไม่อาศัยสถานะหรือสถาบันหรืออาชีพในการแสวงประโยชน์จากเด็ก ไม่กระทำการใดๆ จนทำให้เป็นการละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเด็กและครอบครัว หากพบว่าไม่สามารถดูแล ปกป้องเด็กให้ได้รับการดูแลที่ควรหรืออาจเสี่ยงที่จะไม่ปลอดภัย ควรร้องขอความช่วยเหลือและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ อีกทั้งหากพบเห็น หรือรับทราบข้อมูลที่สามารถนำไปสู่การสืบค้นได้ สามารถแจ้งมาที่ สช. ได้อีกช่องทางหนึ่ง จากนั้น สช. จะมีการจัดทีมลงพื้นที่เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง และดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อไป หากบุคคลดังกล่าวได้การกระทำความผิดจริง “ และขอย้ำว่าเป็นกฎเหล็กของ สช. หากโรงเรียนเอกชนปล่อยให้เกิดปัญหาครูล่วงละเมิดทางเพศเด็กถือว่า ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนต้องมีความผิดและต้องมีส่วนรับผิดชอบ รวมถึงหากมีประเด็นทำผิดกฎหมาย และอาจถึงขั้นสั่งให้ระงับรับนักเรียนในภาคเรียนต่อไปอีกด้วย ” ดร.อรรถพล กล่าวทิ้งท้าย