วันที่ 8 พ.ค.63 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 23 จังหวัด รวม 68 อำเภอ 139 ตำบล 313 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 4,638 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ปัจจุบันคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด เกิดการปะทะกันของมวลอากาศเย็นและอากาศร้อน ส่งผลให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ในช่วงวันที่ 29 เมษายน 2563 ถึงปัจจุบัน (8 พ.ค.2563) ในพื้นที่ 23 จังหวัด ดังนี้
ภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง ลำพูน น่าน แพร่ พิษณุโลก และพิจิตร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย อุดรธานี นครพนม ขอนแก่น นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และสุรินทร์
ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา
ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี และสิงห์บุรี
ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี
รวม 68 อำเภอ 139 ตำบล 313 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 4,638 หลัง วัด 4 แห่ง โรงเรียน 1 แห่ง โรงพยาบาล 1 แห่ง สถานีบริการน้ำมัน 1 แห่ง เสาไฟฟ้า 50 ต้น มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม
ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป