สมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ขานรับมาตรการการเตรียมความพร้อมสำหรับการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ผลักดันนโยบาย “ย่านราชประสงค์ปลอดภัย มั่นใจไร้ COVID-19” ออกแผนแม่บท 6 ข้อ 47 มาตรการดูแลทั้งย่าน ครอบคลุม 4 โซนสำคัญ คือ พื้นที่สาธารณะ ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และศูนย์อาหาร ชูโมเดลการจัดสรรระยะห่างและการอยู่ร่วมกันในพื้นที่สาธารณะครั้งแรกในประเทศไทย รวมถึงการขีดมาตรฐานใหม่ด้านสุขภาพและความปลอดภัยเพื่อการอยู่ร่วมกัน ปล่อยกิจกรรมแรก Big Cleaning Day ร่วมกับสำนักงานเขตปทุมวัน และพลเมืองจิตอาสา เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ กล่าวว่า “ย่านราชประสงค์เป็นสถานที่ศูนย์รวมความหลากหลายด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวมาตลอดหลายปี อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว แหล่งที่พัก/โรงแรม ร้านอาหาร และศูนย์การค้าที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักและคุ้นเคย ซึ่งภายหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และการหยุดชะงักด้านการท่องเที่ยวทันที
ดังนั้นในช่วง Restart phase ก่อนกลับมาดำเนินกิจการ ทางสมาคมฯ จึงได้วางแผนแม่บท 6 ข้อ 47 มาตรการ ภายใต้นโยบาย “ย่านราชประสงค์ปลอดภัย มั่นใจไร้ COVID-19” โดยจะดำเนินการทดลองใช้ภายในย่านราชประสงค์อย่างเข้มข้น เพื่อศึกษาวิธีการจัดสรรพื้นที่เปิด ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะและเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้มีความสะอาดปลอดภัย โดยสามารถติดตามตัวผู้มีความเสี่ยง หรือผู้ติดเชื้อย้อนหลังได้โดยใช้ระบบกล้อง CCTV มีการ Tracking ข้อมูลสุขภาพ และการเดินทางของพนักงานย้อนหลัง 14 วัน ซึ่งย่านมีความพร้อมที่สามารถทำได้ ทั้งนี้หากย่านราชประสงค์ทำได้สำเร็จ ก็จะสามารถนำไปเป็นต้นแบบให้แก่ภาครัฐและเอกชนในการนำมาตรการไปใช้จัดการพื้นที่สาธารณะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในประเทศ และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะกลับเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ภายหลังจากที่สถานการณ์ COVID-19 ควบคุมได้”
แผนแม่บท 47 มาตรการ สู่การทำให้ย่านราชประสงค์ปลอดภัย มั่นใจไร้ COVID-19 ได้วางโครงสร้างมาตรการการดูแลพื้นที่ออกเป็น 3 โซนคือ
โซนที่ 1 : มาตรการพื้นที่สาธารณะของย่านราชประสงค์ ซึ่งจะมีการวัดอุณหภูมิลูกค้าทุกคน 100% ด้วยเครื่องมือตรวจจับอุณหภูมิความร้อน (Thermal Scan) ณ จุดคัดกรอง พร้อมบริการจุดจำหน่ายหน้ากาก RSTAบริเวณทางเข้า R Walk ฝั่งอาคารมณียา เซ็นเตอร์ สามารถติดตามตัวผู้มีความเสี่ยง หรือผู้ติดเชื้อย้อนหลังได้โดยใช้ระบบกล้อง CCTV มีการ Tracking ข้อมูลสุขภาพ และการเดินทางของพนักงานย้อนหลัง 14 วัน โดยผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ย่านราชประสงค์ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย และมีป้ายประชาสัมพันธ์เรื่อง Social Distancing เป็นระยะ โดยทั้งนี้ในส่วนของการรักษาความสะอาด ทางสมาคมฯ จะมีจุดบริการแอลกอฮอล์เจล และแม่บ้านที่สวมหน้ากากอนามัย หรือ Face Shield คอยทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง อาทิ บันไดเลื่อน ราวจับ ป้ายต่างๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลาทำการ และร่วมมือกับ กทม.ในการทำความสะอาด และพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกพื้นที่ในย่านราชประสงค์ทุกสัปดาห์
โซนที่ 2 : มาตรการของศูนย์การค้า และ มาตรการของอาคารสำนักงาน
โซนที่ 3 : มาตรการศูนย์อาหาร
ทางสมาคมฯ ได้นำ 5 แกนหลักมาตรการความสะอาดและความปลอดภัยเชิงรุก โดยนำข้อหารือและศึกษางานร่วมกันในมาตรการเบื้องต้นระหว่างสมาชิกสมาคมฯ มาร่างแม่บทและปรับใช้ในย่านราชประสงค์ ได้แก่ 1.การคัดกรองอย่างเข้มงวด (Extra Screening) ได้แก่ การตั้งจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิลูกค้าและพนักงาน 100% บริเวณทางเข้าหลักของทุกอาคาร, ลูกค้าและพนักงานต้องสวมหน้ากากอนามัย 100% ตลอดเวลา และจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ทั่วทุกศูนย์ ทุกร้านค้าและลิฟท์ทุกตัว 2.มาตรฐาน Social Distancing ได้แก่ เกษรวิลเลจ มีการจำกัดจำนวนคนเข้าศูนย์การค้า ไม่เกิน 1 คน ต่อ 16 ตร.ม., และในทุกศูนย์การค้าจะมีการทำสัญลักษณ์หรือตีเส้นตาราง กำหนดระยะห่าง 1-2 เมตรทุกจุด ในลิฟท์ ห้องน้ำ พื้นที่ส่วนกลาง ร้านค้า และร้านอาหาร, จัดพื้นที่นั่งรอสำหรับร้านค้า และ Delivery Man โดยให้มีระยะห่าง Social Distancing 3.การติดตามเพื่อความปลอดภัย (Safety Tracking) มีการ Tracking ข้อมูลสุขภาพและการเดินทางของพนักงาน ย้อนหลัง 14 วัน 4.การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดสัมผัส (Extra Cleaning) ทำความสะอาดและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อพื้นที่ส่วนกลางทุกสัปดาห์, ล้างทำความสะอาดระบบปรับอากาศด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวัน, ทำความสะอาดภายในห้องน้ำ ลิฟท์ จุดสัมผัสต่างๆ ทุก 30 นาที และทำความสะอาดฆ่าเชื้อบัตรจอดรถ บัตรศูนย์อาหารทุกศูนย์การค้า ก่อนและหลังการใช้งาน และ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีการติดตั้งเครื่อง UV-C ฆ่าเชื้อที่ถุงสินค้า หรือบริการสเปรย์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อที่ถุงสินค้า 5.แนวทางลดการสัมผัส (Touchless Experience) มีจัดพนักงานเปิด-ปิดประตู และกดลิฟท์เพื่อลดการสัมผัส, ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า และ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีการส่งเสริมการใช้ Cashless และ E-Payment, เกษรวิลเลจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ และศูนย์การค้าเดอะมาร์เก็ต แบงคอก มีบริการพรมเช็ดเท้าฆ่าเชื้อที่ประตูทางเข้า ซึ่งทั้ง 5 แกนหลักนี้มีความครอบคลุมชัดเจนในการเป็น New Normal ของพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปนับจากนี้
และในวันอังคารที่ 28 เมษายน 2563 ทางสมาคมฯ ได้เริ่ม Kick Off กิจกรรม Big Cleaning Day ซึ่งถือเป็นกิจกรรมแรกของมาตรการพื้นที่สาธารณะของย่านราชประสงค์ โดยจับมือร่วมกับสำนักงานพื้นที่เขตปทุมวัน โดยนางมาศวัลย์ ปิ่นสุวรรณ ผู้อำนวยการเขตฯ พร้อมด้วยนายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมฯ และตัวแทนจากสมาชิกสมาคมฯ และพลเมืองจิตอาสา รวมกว่า 150 คน ร่วมทำความสะอาดแบบปูพรมครั้งใหญ่ ณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ บริเวณถนนราชดำริ ตั้งแต่หน้าอาคารอัมรินทร์ พลาซ่า จนถึง หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบริเวณถนนเพลินจิต-ถนนพระราม 1 ตั้งแต่หน้าโรงแรมอโนมา กรุงเทพฯ จนถึงซอยมหาดเล็กหลวง 1 โดยมีรถบรรทุกน้ำผสมน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับฉีดพ่นทำความสะอาดพื้นที่ต่ำ อาทิ พื้นถนน ฟุตบาท และในแนวทางเดินเชื่อมลอยฟ้า หรือ “ราชประสงค์ วอล์ค” ได้มีการทำความสะอาดพื้นที่และเช็ดราวจับบันไดราวแนวกั้น ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อตั้งแต่บริเวณสำนักงานตำรวจถึงหน้าอาคารมณียา เซ็นเตอร์ โดยเจ้าหน้าที่และพลเมืองจิตอาสาที่ปฏิบัติงานทุกคนจะมีอุปกรณ์ป้องกันตนเองโดยใส่ Face Shield ถุงมือ และหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19)
“ทางเรามีความเชื่อมั่นว่า หากภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ในระยะเวลาอันใกล้ผ่านการร่วมแรงร่วมใจของคนไทยทุกคนแล้ว มาตรการผ่อนปรนและการกลับมาเปิดกิจการของผู้ประกอบการธุรกิจร้านค้า ร้านอาหารก็จะทยอยกลับมา ซึ่งผู้ประกอบการทุกคนมีหน้าที่ดำเนินการตามมาตรการการักษาความสะอาดปลอดภัยที่ภาครัฐกำหนดอย่างแข็งขัน ทั้งนี้ในส่วนของภาคโรงแรมที่พักและการท่องเที่ยว ก็คาดว่าจะมีข้อกำหนด หรือการให้ Certify โรงแรมที่ผ่านเกณฑ์สะอาดปลอดภัย ออกมาเสริมทัพจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ ททท. กรมอนามัย ฯลฯ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งทางสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์มีความพร้อมจะนำไปปรับใช้อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตและท่องเที่ยวของชาวไทยและชาวโลก ให้พร้อมกลับมาเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น” นายชาย ศรีวิกรม์ กล่าวทิ้งท้าย