“พาณิชย์” เผยล่าสุดยอดจับเพิ่มเป็น 405 ราย ขายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ แพงเกินจริงและไม่ปิดป้ายแสดงราคา

นายสุพพัต อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า (ศปส) ฝ่ายสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า ณ วันที่ 28 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ เพิ่มอีก 8 ราย ดังนี้

กรุงเทพฯ 4 ราย โดยทำการล่อซื้อและจับกุมร้านขายยา 1 ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัย แบบธรรมดาบรรจุกล่องละ 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 570 – 830 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ11.40 – 16.60 บาท) รวม 1,800 ชิ้น และร้านค้าจำหน่ายหน้ากากอนามัย ร้านค้าทั่วไป 1ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ บรรจุแพคละ 5 ชิ้น ในราคา 75 บาท/แพค (เฉลี่ยชิ้นละ 15 บาท) ทั้ง 2 ราย ถูกแจ้งข้อหากระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินสมควร ตามมาตรา 29 และร้านขายยา เพิ่มอีก 2 ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ โดยไม่ปิดป้ายแสดงราคาซึ่งเป็นการกระทำความผิด ตามมาตรา 28

ต่างจังหวัด 4 ราย แยกเป็นการกระทำความผิด ดังนี้

– กระทำความผิดตามมาตรา 28 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยโดยไม่ปิดป้ายแสดง ราคาขาย จำนวน 2 ราย เป็นร้านค้าทั่วไป ในจังหวัดเพชรบูรณ์

– กระทำความผิดตามมาตรา 29 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินสมควร โดยเจ้าหน้าที่ทำการล่อซื้อและจับกุมร้านขายยา 1 ราย ในจังหวัดนครศรีธรรมราช พบจำหน่ายหน้ากากอนามัย บรรจุแพคละ 5 ชิ้น ในราคาแพคละ 85 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 17 บาท) หน้ากากอนามัย 3D กรอง PM 2.5 บรรจุแพคละ 3 ชิ้น ในราคาแพคละ 210 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 70 บาท) หน้ากากอนามัยแบบผ้า ราคาชิ้นละ 35 บาท หน้ากากอนามัยแบบธรรมดา ราคาชิ้นละ 17 บาท หน้ากากอนามัยมัสลิน ราคาชิ้นละ 35 บาท และหน้ากากอนามัยแบบคาร์บอน กรอง 5 ชั้น ราคาชิ้นละ 75 บาท

– กระทำความผิดตามมาตรา 25 (5) และมาตรา 29 ข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิตคงเหลือ และจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินสมควร โดยเจ้าหน้าที่ทำการล่อซื้อและจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก 1 ราย ในจังหวัดชลบุรี พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยบรรจุกล่องละ 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 650 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 13 บาท) และได้ทำการขยายผลเข้าตรวจค้นที่พักและยึดของกลางเป็นหน้ากากอนามัยจำนวน 30,250 ชิ้น

ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ มีจำนวนเพิ่มถึง 405 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 180 ราย และต่างจังหวัด 225 ราย

ทั้งนี้ โทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะแจ้ง มาตรา 26 ข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย มาตรา 28 ข้อหา ไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทและมาตรา 29 ข้อหาขายแพงเกินสมควร มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายสุพพัต กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (โควิด – 19) อยากย้ำเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมกักตุน และขายสินค้าแพงเกินจริง โดยเฉพาะสินค้าหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ รวมถึงสินค้าที่ไม่ได้เป็นสินค้าควบคุมเช่น ไข่ไก่ สินค้าอุปโภค บริโภคต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้า ที่มีความจำเป็นในสถานการณ์ดังกล่าว หากพบการกระทำความผิดกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 เพราะถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน “หากพบมีการกักตุนสินค้าและขายสินค้าแพงเกินจริง สามารถร้องเรียนได้ทันทีที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด” นายสุพพัตกล่าว


29 เมษายน 2563