กรม สบส.เตือน รพ.เอกชน ห้ามตั้งจุดบริการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ในพื้นที่สาธารณะ ทั้งห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน จากด่านหน้าป้องกันโรคฯจะกลายเป็นจุดแพร่เชื้อเอง

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนการออกหน่วยให้บริการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ของสถานพยาบาลเอกชน ต้องให้บริการในที่พักหรือสถานที่กักกัน ห้ามตั้งจุดบริการฯในพื้นที่สาธารณะหรือแหล่งชุมชนที่มีการสัญจรพลุกพล่าน เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือปั๊มน้ำมัน ฯลฯ แทนที่จะช่วยป้องกันการระบาดกลับจะเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อเอง

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563 กรม สบส.ได้ออกประกาศ เรื่อง “แนวทางการให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) นอกสถานพยาบาล” กำหนดให้สถานพยาบาลเอกชนสามารถออกให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อโควิด 19 นอกสถานพยาบาล เพื่อป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตราย อีกทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ซึ่งไก้มีการแบ่งแนวทางการดำเนินการเป็น 2 กรณี ได้แก่ 1)กรณีสถานพยาบาลเอกชนเป็นคู่สัญญาหรือดำเนินการร่วมกับสถานพยาบาลภาครัฐหรือหน่วยงานของรัฐ อาทิ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ฯลฯ ให้สามารถดำเนินการได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม เนื่องจากได้รับการยกเว้นตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล และ 2)กรณีสถานพยาบาลเอกชนดำเนินการด้วยตนเอง ให้สามารถดำเนินการได้ตามเงื่อนไขตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ โดยให้ดำเนินการได้ ณ ที่พำนักของผู้ป่วย หรือสถานที่กักกันเป็นการชั่วคราวไม่ได้กระทำเป็นปกติธุระ ซึ่งที่ผ่านมาสถานพยาบาลเอกชนต่างก็ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมายเป็นอย่างดี แต่ก็มีสถานพยาบาลเอกชนบางแห่งยังดำเนินการไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ จัดตั้งจุดบริการตรวจโรคโควิด-19 ในพื้นที่สาธารณะอย่างหน้าห้างสรรพสินค้า หรือปั๊มน้ำมัน ฯลฯ ซึ่งมีประชาชนสัญจรอย่างพลุกพล่าน ทำให้เกิดความเสี่ยงการแพร่กระจายของโรคหากผู้ป่วยโรคโควิด-19 เดินทางออกมารับบริการก็อาจจะเกิดการแพร่กระจายของเชื้อระหว่างการเดินทางได้ ส่งผลให้หน่วยบริการตรวจคัดกรองฯ ที่ควรเป็นด่านหน้าในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคกลับกลายเป็นจุดแพร่กระจายเชื้อ อีกทั้งอาจจะส่งผลให้การเก็บสิ่งส่งตรวจไม่เป็นไปตามมาตรฐาน

นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า เพื่อป้องกันมิให้เกิดการแพร่กระจายของโรคติดต่ออันตราย และให้สถานพยาบาลเอกชนมีการดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กรม สบส.ขอย้ำให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง หากจะออกให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อโควิด 19 จะต้องดำเนินการ ณ ที่พัก หรือสถานที่กักกันเท่านั้น ห้ามตั้งจุดในพื้นที่สาธารณะ หรือแหล่งชุมชนที่มีการสัญจรพลุกพล่านโดยเด็ดขาด หากกรม สบส.หรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ตรวจพบจะดำเนินการเอาผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ทันที โดยผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะถือว่ามีความผิดในฐานไม่ควบคุมและดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพของตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากตรวจพบว่าผู้ให้บริการมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพระราชบัญญัติวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ พ.ศ.2547 ฐานประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ หากผู้ใดพบเห็นการจัดตั้งจุดบริการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ของสถานพยาบาลเอกชน ในพื้นที่สาธารณะหรือแหล่งชุมชนซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงให้เกิดการแพร่กระจายของโรค ในเขต กทม.ให้รีบแจ้งมาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรม สบส. หมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7057 หรือที่เฟซบุ๊ก : ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สบส. กระทรวงสาธารณสุข และในส่วนภูมิภาคให้แจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

**************** 25 เมษายน 2563