เรื่อง : งา ยากระดูก
ชื่อวิทยาศาสตร์ Sesamum indicum Linn.
ชื่อวงศ์ PEDALIACEAE
ชื่ออื่นๆ งาขาว งาดำ Sesame(เซซามิน)
ลักษณะทั่วไป ไม้ล้มลุก ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามหรือสลับ ดอกเดี่ยว สีขาวหรือชมพู ออกที่ง่ามใบ ผลแห้งแตกออก
การขยายพันธุ์ ใช้เมล็ด
งา สร้างปัญญาและความแข็งแรง
งาเป็นเป็นพืชที่ให้น้ำมันมากที่สุดในบรรดาเมล็ดพืชทั้งหลายและยังเป็นน้ำมันจากพืชที่มนุษย์รู้จักใช้มานานที่สุดคือมากกว่า 6000 ปีมาแล้ว คนไทยคุ้นเคยกับการใช้งาเป็นอย่างดีทั้งในแง่ของอาหาร ยาและเครื่องสำอาง ดังจะเห็นได้จากคำกล่าวของคนโบราณที่ว่า กินถั่วกินงาปัญญาจะดี โดยยืนยันได้จากข้อมูลวิชาการแผนใหม่ที่ว่าเมล็ดงาอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา 6 วิตามินบีรวม โปรตีน สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างการทำงานของสมอง นอกจากนี้ผู้เฒ่าผู้แก่ในอดีตยังแนะนำให้ลูกหลานกินงาผสมมะขามป้อมอย่างละเท่ากันผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเม็ด (ผล) พุทราไทยกินครั้งละ 1-2 เม็ด ทุกวัน
ในเม็ดจิ๋ว ๆ ของงายังอุดมไปด้วยแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัสถ้ากินคู่กับถั่วด้วยแล้วจะได้สัดส่วนที่เหมาะสมในการสร้างและบำรุงกระดูกอย่างดี งาจึงเหมาะกับเด็ก ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน คนกระดูกหักอย่างยิ่ง
ย่างเข้าหน้าหนาวคนไทยใหญ่จะมีข้าวตำงาที่เรียกว่าข้าวปุ๊กให้ทุกคนกินร่วมกันเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น ไม่ป่วยไข้ อาจเป็นเพราะงามีสรรพคุณในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันนั่นเอง นอกจากนี้น้ำมันงายังเป็นน้ำมันที่เหมาะกับการบริโภคเนื่องจากมีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูงช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอล ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัว ทั้งยังไม่เหม็นหืนหรือจับกันเป็นก้อน แต่มีกลิ่นหอมน่ากินเสมอแม้เก็บไว้นาน ๆ ในตำรายาโบราณอีสานมีคาถาเสกน้ำมันงาเพื่อกินให้ร่างกายแข็งแรงด้วย บ่งบอกว่าคนไทยเราเห็นคุณค่าของการกินน้ำมันงามานานแล้ว
งา เกิดมาเพื่อผม และผิว
งาดำกินประจำผมจะสวยเป็นความเชื่อที่มีมานานในบ้านเรา และคราใดที่ผมแตกแห้งก็นวดด้วยน้ำมันงาแล้วสระออก ผมก็คืนสู่สภาพปกติ ถ้าอยากให้ผมดำและหงอกช้าพ่อหมอยาอีสานจะใช้ใบงาขยี้กับน้ำข้าวหม่าที่เทส่วนใสทิ้งเอาส่วนขุ่นข้างล่างมาใช้
น้ำมันงายังทารักษาผิวหนังแห้ง ผิวหนังที่ถูกแดดเผาและช่วยรักษาน้ำกัดเท้าได้ดีอีกด้วย
งา ยาดีที่ปลอดภัยรักษาไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
นอกจากจะเป็นอาหารที่มากคุณค่าแล้วงายังเป็นยาที่ปลอดภัยใกล้ตัว เมื่อใดที่ถูกแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก คนสมัยก่อนก็จะคว้าน้ำมันงา คว้าเต้าปูนมาควักทำน้ำปูนใส ใช้อย่างละเท่ากันโดยเอามาตีหรือเขย่าผสมให้เข้ากันเป็นครีมขาวแล้วเอาผ้าขาวบางสะอาด ๆ มาชุบแปะไว้ โดยจะคอยเติมครีมให้เปียกชุ่มอยู่เสมอซึ่งจะบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้ดีมาก ทำให้แผลหายเร็วและควรระวังไม่ให้แผลถูกน้ำด้วย
ในส่วนผสมของยาครีมบัวหิมะ ที่คนไทยนิยมกันหนักหนาเวลาไปเที่ยวเมืองจีนนั้นมีน้ำมันงาเป็นตัวยาหลักตัวหนึ่งเช่นกัน
งายังเป็นยาแก้ไอได้ดี หน้าหนาวมาเมื่อใดแล้วไอมีเสลด เป็นหวัดแพ้อากาศ แม่ๆ ในอดีตจะทำยาแก้ไอจากน้ำมะนาว ขิงแคง น้ำมันงา น้ำผึ้ง ให้คนในบ้านกิน
งายังเป็นยาช่วยระบาย ช่วยลดการอักเสบของหัวริดสีดวงได้ชงัดอีกด้วย เพียงแต่กินข้าวโรยงาก็เป็นยาแล้ว
งา ยาดูก ยาเอ็น
น้ำมันงาสำหรับยากระดูกนี้เป็นที่รู้กันอย่างดีมาตั้งแต่ในอดีต แม่เฒ่าใหม่เล่าว่าคนไทยใหญ่จะปลูกงา ข้าว เมี่ยง(ชา) งาที่ปลูกมี 2 ชนิดคือ งาดำและงาขาว งาขาวจะใช้ในการบีบน้ำมันไว้ทำอาหารและใช้ใส่ในขนม ส่วนงาดำเอาไว้ตำข้าวปุ๊ก น้ำมันที่ได้จากงาดำจะมีกลิ่นฉุนไม่นิยมใช้ทำอาหารแต่หมอกระดูกนิยมใช้มารักษาโรคกระดูกหัก ซึ่งเมื่อมีโอกาสไปถอดความรู้กับพ่อหมอยาเมืองเลยในเรื่องยากระดูกทุกท่านก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องน้ำมันงา ที่น่าแปลกคือไม่มีตัวยาตัวอื่นนอกจาก คาถา งาจึงเป็นยากระดูกโดยแท้
น้ำมันงายังได้ชื่อว่าเป็นยาแก้ปวดบวมชั้นยอด ใช้ระงับอาการปวดบวมจากการเคล็ดขัดยอก ปวดตามเส้น กล้ามเนื้ออ่อนล้า เพียงเลือกว่าจะใช้น้ำมันงาตัวเดียวหรือใช้เคี่ยวกับสมุนไพรตัวอื่น ๆ เพื่อนำพาตัวยาออกมาและน้ำมันงาเองก็เป็นยาอยู่ในตัวด้วยช่วยเสริมฤทธิ์กัน
เมื่อปี 2559 ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ จากภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้วิจัยและค้นพบว่า “งาดำ” ว่ามีสารเซซามิน ที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง และช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ที่เสื่อมได้เป็นครั้งแรกของโลก สารเซซามีน สามารถยับยั้งการพัฒนาเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์สลายกระดูกที่ทำให้เกิดโรคข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุน โดยจะเข้าไปทำให้แคลเซียมประสานกับกระดูกเพิ่มมากขึ้น สารเซซามินจะเข้าไปช่วยปกป้องเซลล์ประสาทที่ยังดีอยู่ และช่วยฟื้นฟูเซลล์ประสาทที่เสื่อมสภาพสุดท้ายก็เป็นโรคมะเร็ง ที่ถือเป็นโรคที่เกิดมากเป็นอันดับ 1 ในขณะนี้ซึ่งเซลล์มะเร็งนั้นจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีเส้นเลือดใหม่ที่เกิดขึ้นมาแล้วไปสร้างการหล่อเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็งนั้นๆ จากนั้นก็จะแพร่กระจายไปเรื่อยซึ่งสารเซซามิน ก็จะเข้าไปปกป้องเซลล์พร้อมกับตัดวงจรหรือลดเส้นเลือดใหม่ที่เป็นน้ำเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็งพร้อมกับค่อยๆ ฟื้นฟูสภาพเซลล์ให้กลับคืนมา
ตำรับยา
ยาแก้ไอมีเสลด : ขิงแคงตำละเอียด (ไม่มีเอาขิงธรรมดา) น้ำมะนาว น้ำมันงา น้ำผึ้ง ผสมกัน อุ่นไฟพอร้อน เมื่อยาเย็นแล้ว ค่อยจิบกิน แก้ไอมีเสลด แก้ปวดหัวก็ได้
ยาแก้หวัดในเด็ก : ใบกะเพราตำผสมกับน้ำมันงาทากระหม่อมเด็ก
ยาสันนิบาตตาฟาง ปวดหัว เมื่อย: เถาเอนอ่อน หญ้าปากควาย หญ้าลับมึน (ชุมเห็ดไทย) หอมแก่ว (กะเม็ง) หญ้าขัด หญ้าคา เครือเขาฮอ (บอระเพ็ด) ตำผสมกับน้ำมันงา คั้นเอาน้ำมานวด
ยารักษาแผลเรื้อรัง ที่เน่าเปื่อย : น้ำมันงา 1 ถ้วย ยางแคน ขี้ผึ้ง เอาเท่ากันหุงไฟแกลบ แล้วเอาไว้ทาแผลเรื้อรังหรือ แผลสดก็ได้
ยารักษาฟกช้ำ : ใบบัวหลวง 1 ใบแตง 1 รากเอนอ้า 1 เครือพูช้าง ใบงา 1 มาแซ่อาบ
ยาเอ็นหด ตึง : น้ำหมากนาว 1 ขมิ้นอ้อย 1 ขิง 1 เกลือเล็กน้อย มาหุงกับน้ำมันงา กินทาดีแล
ยารักษาอัมพาต ล้มกระดุกกระดิกไม่ได้ : ใบสลอด หัวหญ้าแห้วหมู ขมิ้นชัน พันธุ์ผักกาด อย่างละพอประมาณ นำมาตำกรองเอาแต่น้ำ มาผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมันงา เคี่ยวไฟให้ลุก แล้วใส่ขวดไว้ทา
ข้อควรระวัง
- งาเป็นยาร้อนผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อายุ 1-3 เดือนไม่ควรกินงามากเกินไป
- ผู้ที่ท้องเสีย ไม่ควรกินงา
- งามีกรดไขมันอิ่มตัว และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น ทองแดง ไม่ควรบริโภคมากเกินไป ควรบริโภควันละไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะ หรือ 15 กรัม (แคลอรี่สูง 100กรัม)
การที่งาอยู่คู่คนมาตั้งห้าหกพันปีได้ก็แสดงว่ามีทั้งคุณค่าและความอดทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้อย่างกว้างขวาง งาสมุนไพรเม็ดเล็กๆ แต่เปี่ยมประโยชน์ ถ้าคนเราเป็นเช่นนี้ได้ก็คงดีไม่น้อย
อ้างอิง
https://www.cri.or.th/en/20100504.php
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000005454
บันทึกแผ่นดิน 5