จุรินทร์ ลุย เปิดตลาดใหม่ บุก 4 ประเทศเพิ่ม! แก้สถานการณ์ พลิกโควิดเป็นโอกาสอุตสาหกรรมอาหารทะเลแช่แข็ง-แปรรูป

วันที่ 24 เมษายน 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ประชุมหารือผู้ผลิตสินค้าและเกษตรกรกลุ่มอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป และกลุ่มผู้เลี้ยงกุ้ง รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่ บริษัท ซีแวลู จำกัด (มหาชน) จังหวัดสมุทรสาคร โดยหลังการประชุม นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินทางมาหารือร่วมกันระหว่างเกษตรกรผู้แปรรูปและผู้ส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและอาหารทะเลแปรรูปของประเทศไทย ผู้เข้าร่วมประกอบด้วยข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ รองอธิบดีกรมประมง กรมปศุสัตว์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร สมาคมแช่เยือกแข็งไทย สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย สมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยง สมาคมบรรจุภัณฑ์โลหะไทย สมาพันธ์เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไทย สมาคมกุ้งภาคตะวันออก หอการค้าสมุทรสาคร

โดยภาพรวมของอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูปของไทยตัวเลขมูลค่าการตลาดทั้งหมดในภาพรวมของปีที่แล้ว 2562 ประมาณ 172,235 ล้านบาท ผลผลิตทั้งหมด 1,188,523 ตัน บริโภคในประเทศร้อยละ 22 ส่งออกร้อยละ 78 โดยประมาณการส่งออกปีที่แล้ว 2562 ทั้งหมด 173,961.78 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.28% ของการส่งออกของไทยทั้งหมด สำหรับไตรมาสแรกยอดส่งออกทั้งหมด 37,910 ล้านบาท สำหรับไตรมาสแรกนั้น ติดลบร้อยละ 9.77 ดังนั้นวันนี้ได้หารือร่วมกันกับภาคเอกชนไม่ได้หมายถึงศักยภาพการส่งออกของเราไม่ดี แต่เกิดจากการล็อคดาวน์ ของประเทศคู่ค้าของเราหลายประเทศในโลกจึงส่งผลกระทบต่อตัวเลขอย่างไรก็ตามได้หารือร่วมกันทั้งกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนว่าโอกาสที่เราจะพลิกฟื้นตัวเลขกลับมาเป็นบวกก็ยังมีอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะจับมือร่วมกันในการทำตัวเลขที่ดีขึ้นคาดว่าในไตรมาสที่สามและไตรมาสที่สี่จะเพิ่มตัวเลขกลับมาเป็นบวกได้

สำหรับตลาดหลักประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีนและออสเตรเลียเป็นด้านหลัก สำหรับสหรัฐอเมริกาเราส่งออกร้อยละ 21.4 ญี่ปุ่นร้อยละ 20.7 จีนร้อยละ 6.3 และออสเตรเลียร้อยละ 5.4 ผลิตภัณฑ์สำคัญมีอยู่ด้วยกัน 5 ชนิดในภาพรวมประกอบด้วย 1. ปลาทูน่ากระป๋องปลาซาร์ดีนกระป๋อง 2.อาหารสัตว์เลี้ยงที่ทำจากทูน่า3.กุ้ง 4.ปลาหมึก 5.ปลา หมวดสำคัญของเราอันหนึ่งก็คือทูน่ากระป๋องซึ่งประเทศไทยส่งออกเป็นลำดับหนึ่งของโลกมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 28.5 มูลค่าการส่งออกปีที่แล้ว 67,673.3 ล้านบาท สำหรับปีนี้สามารถทำยอดออกมาเป็นบวกได้ร้อยละ 3 ส่วนไตรมาสที่สองภาคเอกชนประเมินว่าจะสามารถทำตัวเลขเป็นบวกได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 สำหรับตลาดหลักของมีสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

วันนี้ได้มีการจัดทำแผนที่จะเดินหน้าร่วมกันทั้งในส่วนของกระทรวงเกษตรและกระทรวงพาณิชย์และในส่วนของภาคเอกชนได้กำหนดเป้าหมายว่าสำหรับไตรมาสที่สามและไตรมาสที่สี่ของปีนี้จะพยายามช่วยกันทำให้ตัวเลขการส่งออกเป็นบวก

โดยมีการดำเนินการร่วมกันใน 4 มาตรการ มาตรการที่หนึ่งการช่วยลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะกระป๋อง ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องรับซื้อจากในประเทศซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างสูง กรมการค้าต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการช่วยนัดผู้ผลิตเหล็กผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระป๋องและผู้แปรรูปและผู้ส่งออกในเรื่องอาหารทะเลมาพบเพื่อหาทางร่วมกันในการที่จะลดต้นทุน

มาตรการที่สอง คือ กระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดในการเจรจา FTA กับสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรหรือ uk ถ้าเป็นไปได้จะเดินหน้าทำ FTA กับแอฟริกาและกลุ่มประเทศยูเรเซียรวมทั้งการดำเนินหน้าที่จะผลักดันให้เกิดการลงนามในข้อตกลงRCEPให้ได้ในปีนี้

มาตรการที่สาม กระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับภาคเอกชนในการเดินหน้าหาส่วนแบ่งเพิ่มเติมประกอบด้วย 4 ตลาด 1.จีน 2.รัสเซีย 3.แอฟริกาใต้ 4.อเมริกาใต้ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศก็จะไปทำแผนงานที่เป็นรูปธรรมออกมาว่าเราจะจับมือเดินไปตลาดเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง

ประการสุดท้าย มาตรการที่สี่ ต้องจับมือกันระหว่างรัฐกับเอกชนในการช่วยทำประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับของชาวโลกมากขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัยของอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤติโควิดเพื่อให้คนทั้งโลกได้เกิดความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์อาหารจากประเทศไทยที่ส่งออกไปนั้นปลอดจากโควิดโดยจะสามกระทรวงนอกจากกระทรวงพาณิชย์แล้วยังมีกระทรวงเกษตรกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทในการจับมือร่วมกันทำ MOUในการไปให้หนังสือรับรอง COVID free certificate ว่าผลิตภัณฑ์จากโรงงานปลอดจากเชื้อโควิดได้ 100% เพื่อที่จะใช้เป็นอีกเอกสารในการโฆษณาอาหารไทยกับตลาดโลกต่อไปเพื่อทำตัวเลขในไตรมาสสามกับสี่ให้ดีขึ้นสำหรับหมวดอาหารทะเลแปรรูปแช่แข็ง

ทางด้านภาคเอกชน ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทยกล่าวว่าในส่วนแรกอย่าลืมว่าบ้านเรามีการทำตลาดอาหารสำเร็จรูปปลากระป๋องแช่แข็งทำเยอะมากกับกลุ่มรีเทลเลอร์หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต. เราทำกับฟู้ดเซอร์วิสน้อย แต่ตอนนี้ผลกระทบจากโควิดกลุ่มการบริการอาหารเช่น ภัตตาคาร โรงแรม การบินการบินมีปัญหาหมดแต่ซุปเปอร์มาร์เก็ตขายดีมากเพราะคนซื้อของกลับบ้านกิน จึงเป็นโอกาสทางการตลาดของอาหารแช่แข็ง ไม่มีปัญหาลูกค้าสั่งซื้อเยอะ ในส่วนที่สองคือวัตถุดิบค่อนข้างที่จะมีเสถียรภาพในแง่ของจำนวนกับราคาดีพอควร กุ้งที่มีปัญหาอยู่ในแง่จำนวน ที่ผ่านมาทางรัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรก็ได้ทำงานอย่างเคร่งเครียดโดยกรมประมง กับผู้เลี้ยงและสมาคมมาเดือนกว่าถึงสองเดือนแล้วในการหามาตรการช่วยเหลือทั้งห่วงโซ่

ดร ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทยและนายกสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทยกล่าวว่าตอนนี้ ปัญหาคลี่คลายดีมากก็คิดว่าอาหารทะเลโดยเฉพาะปลาสามารถมีวัตถุดิบเพียงพอในการป้อนตลาดต่างประเทศเรามั่นใจว่าปีนี้ทั้งปีตัวเลขจะโตไม่ต่ำกว่า 10%