“พาณิชย์” เผยสถิติยอดผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ แพงเกินจริง เพิ่มสูงขึ้นเป็น 394 ราย…. ล่าสุดจับเพิ่มอีก 12 ราย ทั่วประเทศ

นายสุพพัต อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า (ศปส) ฝ่ายสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า ณ วันที่ 23 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์เพิ่มสูงถึง 12 ราย ดังนี้

กรุงเทพฯ 2 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบคลังสินค้า 1 ราย พบของกลางเป็นหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา แบบN95 เจลแอลกอฮอล์ สเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมือ กล่องบรรจุภัณฑ์ และสลากสินค้าหลายยี่ห้อ เป็นสินค้านำเข้าจากประเทศจีน มีปริมาณ 2 คันรถคอนเทรนเนอร์ กระทำความผิดข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งต้นทุน และไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือรายวัน ต่อ กกร. ตามมาตรา 25 (5) และมาตรา 26 อีก 1 ราย เจ้าหน้าที่ทำการล่อซื้อและจับกุมผู้ค้าจำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา บรรจุกล่องละ 50 ชิ้น ในราคากล่อง 450 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 9 บาท) รวม 1,000 ชิ้น จึงแจ้งข้อหากระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินสมควร ตามมาตรา 29

ต่างจังหวัด 10 ราย แยกเป็นการกระทำความผิด ดังนี้

  กระทำความผิดตามมาตรา 28 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยโดยไม่ปิดป้ายแสดง ราคาขาย เป็นร้านค้าทั่วไป จำนวน 4 ราย ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ 3 ราย พบของกลางเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ จำนวน 21 กล่อง รวม 1,050 ชิ้น และ จังหวัดอุดรธานี 1 ราย

  • กระทำความผิดตามมาตรา 25 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยสูงเกินราคาที่กำหนด โดยการล่อซื้อและจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยนำเข้าผ่านทางเฟซบุ๊ก 1 ราย ในจังหวัดอุดรธานี
  • กระทำความผิดตามมาตรา 25 และมาตรา 29 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุมและจำหน่ายในราคาสูงเกินสมควร ในจังหวัดมหาสารคาม 3 ราย เป็นร้านค้าทั่วไปพบจำหน่ายหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา ขายปลีกในราคาเฉลี่ยชิ้นละ 12 – 18 บาท จำนวนรวม 5,711 ชิ้น
  • กระทำความผิดตามมาตรา 29 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยสูงเกินสมควร โดยการ ล่อซื้อและจับกุมร้านค้าจำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก  2 ราย ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี 1 ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัย แบบขายปลีกในราคาชิ้นละ 18 บาท จำนวน 10 ชิ้น และแบบบรรจุกล่องละ 50 ชิ้น ในราคากล่อง 800 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ16 บาท) นอกจากนี้ยังทำการล่อซื้อและจับกุมร้านจำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก ในจังหวัดนครพนม 1 ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยนำเข้าจากประเทศเวียดนามบรรจุกล่อง 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 680 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 60 บาท)

ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ มียอดรวมสูงขึ้นถึง 394 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 174 ราย และต่างจังหวัด 220 ราย

ทั้งนี้ โทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนหรือ จนกว่าจะแจ้ง  มาตรา 26 ข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย มาตรา 28 ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และมาตรา 29 ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายสุพพัตกล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าติดตามตรวจสอบ และจับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต่อไป โดยจะมีการตรวจสอบการจำหน่ายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ รวมถึงสินค้าที่ไม่ได้เป็นสินค้าควบคุมเช่น ไข่ไก่ สินค้าอุปโภค บริโภค เป็นต้น หากพบขายเกินราคาควบคุม และแพงเกินจริง มีการกักตุนสินค้า หรือเอาเปรียบประชาชน  จะดำเนินคดีตามกฏหมายขั้นเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในสถานการณ์การระบาดของ เชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด – 19)  “หากพบเห็นการกระความผิด สามารถร้องเรียนได้ทันทีที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ” นายสุพพัตกล่าว


24 เมษายน 2563