กรมควบคุมโรค เน้นย้ำผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ต้องกักกันตัวในสถานที่ที่รัฐกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 เป็นวงกว้าง

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ต้องกักกันตัว (State Quarantine) ในสถานที่ที่รัฐกำหนด เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วันตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อเป็นวงกว้าง

วันที่ 20 เมษายน 2563 นายแพทย์ขจรศักดิ์  แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในหลายประเทศ ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยเป็นจำนวนมาก อาทิ นักเรียนไทยในมูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (AFS) ผู้ที่ทำงานในต่างประเทศ รวมทั้งผู้ที่ไปร่วมพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งมีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข จึงมีกระบวนการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย และจัดพื้นที่สำหรับกักกันตัว (State Quarantine) ในสถานที่ที่รัฐกำหนด เพื่อเป็นการควบคุมโรคภายในประเทศไม่ให้แพร่กระจายเชื้อเป็นวงกว้าง

มาตรการการกักกันผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยทุกคนจะถูกกักกันตัวเพื่อสังเกตอาการ ณ สถานที่กักกันโรคไม่น้อยกว่า 14 วัน ถัดจากวันที่เดินทางถึงประเทศไทย และจะมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ได้รับมอบหมาย ณ สถานที่กักกันโรค คัดกรองอาการไข้ และสอบถาม ติดตามอาการทางเดินหายใจทุกวัน พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างทางเดินหายใจของผู้ถูกกักกันทุกคน ประมาณวันที่ 5-7 ของการกักกันตัว ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธี PT-PCR เพื่อหาเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือในบางรายที่มีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หรือหอบเหนื่อย อย่างหนึ่งอย่างใด ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยที่ตรวจพบเชื้อ หรือมีอาการป่วยเข้าได้กับเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) ในระหว่างกักกันตัว จะถูกส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อเข้ารับการตรวจ รักษา รับการชันสูตรทางการแพทย์ และแยกกักต่อไป

นายแพทย์ขจรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า หน่วยงานของรัฐได้เตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคน ที่จะถูกกักตัวเพื่อเฝ้าระวังสังเกตอาการในสถานที่ที่รัฐกำหนดตามมาตรการป้องกันควบคุมที่กำหนด โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น เอกชน และภาคประชาชน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เดินทางได้รับการดูแลใกล้ชิด และประเทศไทยสามารถป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ข้อมูลจาก : ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค

20 เมษายน 2563