สธ.เผยผู้ป่วยโรคโควิด-19 ชายมีอัตราป่วยตายมากกว่าหญิง 4 เท่า แนะดูแลสุขภาพอนามัย

กระทรวงสาธารณสุข เผยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย ผู้ชายมีอัตราป่วยตายมากกว่าหญิง 4 เท่า แนะดูแลสุขภาพอนามัย สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงไปในพื้นที่เสี่ยง เว้นระยะห่างทางสังคม ระวังตนเองไม่ให้ป่วย

วันที่ 17 เมษายน 2563 ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ตั้งแต่ 4 มกราคม – 17 เมษายน 2563 มีผู้ป่วย 2,700 ราย เสียชีวิต 47 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตายร้อยละ 1.7 ต่ำกว่าอัตราป่วยตายของทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 6 ถึง 4 เท่า และพบว่าเพศชายมีอัตราป่วยตายมากกว่าเพศหญิง 4 เท่า เนื่องจากมีพฤติกรรมเสี่ยงมากกว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ ไต ภาวะอ้วน เป็นต้น แต่บางรายไม่มีโรคประจำตัว ดังนั้นทุกคนจึงไม่ควรประมาท

นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพอนามัยของตนเอง ปฏิบัติตามคำแนะนำของ กระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ได้แก่ การสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงไปในพื้นที่เสี่ยง และเว้นระยะห่างทางสังคม หากปฏิบัติได้จะช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเสียชีวิตได้ง่าย จากสถิติพบว่า กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปี มีอัตราเสียชีวิตถึงร้อยละ 12.1 จึงเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการปกป้องให้ปลอดภัย อย่างไรก็ตามวิธีป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่ดีที่สุดคือ ต้องระวังตนเองไม่ให้ป่วย

สำหรับตัวเลขการติดเชื้อโควิด-19 ของบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศ ข้อมูล ณ วันที่ 14 เมษายน 2563 พบ 99 ราย เพศหญิง 71 ราย และเพศชาย 28 ราย โดยพบความเสี่ยงในการติดเชื้อ 2 รูปแบบคือ การติดเชื้อขณะปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาล จากการให้การดูแลและรักษาผู้ป่วย ร้อยละ 73.68 สัมผัสเพื่อนร่วมงานที่ติดเชื้อในโรงพยาบาล ร้อยละ15.7 ซักประวัติและคัดกรองผู้ป่วยร้อยละ 2.63 อีกร้อยละ 3 ติดจากการปฏิบัติงานไม่สามารถระบุได้ชัดเจน และการติดเชื้อในขณะใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป ดังนั้นสิ่งสำคัญที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องปฏิบัตินอกจากป้องกันตนเองในขณะปฏิบัติงานแล้ว ควรป้องกันขณะดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หมั่นล้างมือและรักษาระยะห่างกับผู้อื่น และขอความร่วมมือประชาชนให้แจ้งข้อมูลหรือประวัติความเสี่ยง ซึ่งมีความสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสการแพร่กระจายเชื้อสู่บุคลากรทางการแพทย์


17 เมษายน 2563