เข้าคอนเซ็ปรัฐบาล ‘เราไม่ทิ้งกัน’ กระทรวงพาณิชย์ จับมือ กลุ่มเซ็นทรัล ช่วยเหลือผู้ประกอบการโอทอป และ เอสเอ็มอี ช่วงวิกฤตโรคโควิด-19 ระบาด ให้นำสินค้าขึ้นจำหน่ายบนเว็บไซต์สุดฮิต JD Central (www.jd.co.th) โดยปราศจากข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้สินค้าที่นำมาขาย…มีคุณภาพดี ราคาสมเหตุผล สินค้าถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้ตรงตามนโยบาย “ช้อปของดี…การันตีของแท้” ประทับตรา..ผ่าน..นำขึ้นเว็บไซต์จำหน่ายได้ทันที เชื่อ!! ช่วยเหลือกันในยามยาก…จะเป็นพันธมิตรที่ยั่งยืนในอนาคต
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจเกือบทุกระดับได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็ก-ย่อมที่ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าผ่านหน้าร้านได้ตามปกติ ผู้ประกอบการที่ใช้ช่องทางออนไลน์ในการจำหน่ายสินค้าก็ยังพอประคับประคองธุรกิจให้เดินต่อไปได้ แต่ก็มีผู้ประกอบการอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถใช้ช่องทางออนไลน์ในการกระจายสินค้า ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป”
“ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้จับมือ กลุ่มเซ็นทรัล (กลุ่มธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ของประเทศ) ช่วยเหลือผู้ประกอบการโอทอปและเอสเอ็มอีของไทยในการขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดธุรกิจหนึ่ง โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการทั้ง 2 กลุ่ม นำสินค้าขึ้นจำหน่ายบนเว็บไซต์ JD Central (www.jd.co.th) ซึ่งเป็นตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-มาร์เก็ตเพลส) ขนาดใหญ่ระดับประเทศ ที่รวบรวมสินค้าอุปโภค-บริโภคและสินค้าอื่นๆ กว่า 50,000 รายการ มีผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าเยี่ยมชม/ซื้อสินค้าราว 1.5 ล้านคนต่อปี โดย JD Central จะจัดหมวดหมู่แยกประเภทสินค้าโอทอป และ สินค้าเอสเอ็มอี ออกมาโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้บริโภคเยี่ยมชม/ซื้อสินค้าได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น”
รมช.พณ.กล่าวต่อว่า “เบื้องต้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้คัดเลือกผู้ประกอบการโอทอปและเอสเอ็มอีที่อยู่ในการส่งเสริมของกระทรวงพาณิชย์ รวมถึง ร้านจำหน่ายสินค้าโอทอปบนท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต เข้าจำหน่ายสินค้าบนเว็บไซต์ JD Central จำนวน 2,275 ราย แบ่งเป็น 1) ผู้ประกอบการโอทอป ซีเล็กซ์ จำนวน 1,818 ราย (กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 465 ราย กลุ่มผ้าและเครื่องแต่งกาย 749 ราย กลุ่มของใช้ ของตกแต่งบ้าน ของที่ระลึก 456 ราย และกลุ่มสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร 148 ราย) 2) ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จำนวน 457 ราย (กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 185 ราย กลุ่มของตกแต่งบ้าน เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง 225 ราย และ กลุ่มบริการต่างๆ 47 ราย) โดยนอกจาก JD Central จะให้ผู้ประกอบการนำสินค้าขึ้นจำหน่ายบนเว็บไซต์ฯ โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมแล้ว ยังช่วยเหลือด้านการสร้างร้านค้า การทำกราฟฟิกตกแต่งร้านค้า และสร้างสินค้าในร้าน 30 รายการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมถึง บริการโลจิสติกส์รับสินค้าจากร้านผู้ประกอบการนำส่งถึงมือผู้บริโภคอีกด้วย”
“และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย “ช้อปของดี…การันตีของแท้” ของ JD Central ได้กำชับผู้ประกอบการที่จะนำสินค้าขึ้นจำหน่ายบนเว็บไซต์ฯ ว่าต้องคัดเลือกสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ราคาสมเหตุผล สินค้าถูกต้องตามกฎหมาย และสินค้าที่ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานเฉพาะ ก็ต้องได้รับการรับรองและมีเครื่องหมายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน เช่น เครื่องสำอาง ก็ต้องได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) เป็นต้น จึงจะสามารถนำขึ้นจำหน่ายบนเว็บไซต์ฯ ได้”
“กรมฯ และ JD Central จะร่วมกันพิจารณาสินค้าก่อนนำขึ้นเว็บไซต์ฯ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ราคาสมเหตุผล สามารถนำไปอุปโภคบริโภคด้วยความมั่นใจ และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงเวลาที่ต้อง ‘อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ’ ซึ่งขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการคัดเลือกสินค้า โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้ผู้บริโภคเข้าเลือกซื้อสินค้าโอทอปและเอสเอ็มอีบนเว็บไซต์ JD Central ได้ ประมาณต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือกัน เพื่อให้อุปสรรคครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ให้ความช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กโดยไม่ทิ้งกันในช่วงวิกฤตนี้ จะทำให้เกิดพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว เพราะ ‘การช่วยเหลือกันในยามยาก…จะเป็นพันธมิตรที่ยั่งยืนในอนาคต’ ” รมช.พณ.กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 0 2547 5959, 0 2547 5961 e-Mail : e-commerce@dbd.go.th สายด่วน 1570 และ www.dbd.go.th
#วีรศักดิ์ดูแล #WeerasakTakeCare
ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ฉบับที่ 93 / วันที่ 15 เมษายน 2563