พาณิชย์ “เข้ม”ลุยจับร้านค้าออนไลน์และร้านค้าทั่วไปขายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ แพงเกินจริง ล่าสุดจับเพิ่มอีก8ราย…..ส่งผลให้ยอดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 306 ราย

นายสุพพัตอ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า (ศปส) ฝ่ายสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า ณ วันที่ 11 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์เพิ่มอีก 8 ราย แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 3 รายโดยการล่อซื้อและจับกุม ผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก2ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยบรรจุกล่องละ 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 650 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 13 บาท) รวม 10,000 ชิ้น อีก 1 ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินสมควรในราคา 13.76 บาท/ชิ้น ซึ่งในกรณีนี้ได้มีการขยายผลเพิ่มเติมโดยการเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นสถานที่เก็บและจำหน่ายสินค้าหน้ากากอนามัย ผลการตรวจค้นพบของกลางเป็นหน้ากากอนามัยผลิตในประเทศเวียดนามและจีน รวม 8,800 ชิ้น มูลค่ารวม 121,088 บาท นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ล่อซื้อและจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางโทรศัพท์ได้อีก1 ราย จำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคากล่องละ 600 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ12 บาท)ทั้งสามรายถูกดำเนินคดีข้อหากระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยราคาสูงเกินสมควรตามมาตรา 29

ในส่วนของต่างจังหวัดสามารถจับกุมเพิ่ม 5 รายได้แก่ จังหวัดปทุมธานี 1 รายจำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊กโดยเจ้าหน้าที่ทำการการล่อซื้อและจับกุม พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยบรรจุกล่องละ 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 680 บาท(เฉลี่ยชิ้นละ13.60 บาท) รวม 1,500ชิ้นจังหวัดนครราชสีมา 1ราย เป็นร้านขายยาจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาชิ้นละ 140 บาทจังหวัดมหาสารคาม 2 ราย โดยทั้งสี่รายกระทำความผิดข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยราคาสูงเกินสมควร ตามมาตรา 29นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ล่อซื้อและเข้าตรวจค้นบ้านพักในอำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 1 ราย พบการกระทำความผิดข้อหาจำหน่ายเจลแอลกอฮอล์ ไม่แจ้งต้นทุน ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิตต่อ กกร. ตามมาตรา 25 (5) โดยสถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น306 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 151 ราย และต่างจังหวัด 155ราย

ทั้งนี้ โทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ
ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้งมาตรา26 ข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย มาตรา28ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทและมาตรา 29ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายสุพพัต กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์ไข่ไก่ในขณะนี้ มีปริมาณผลผลิตเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตไข่ไก่ป้อนเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยรวมความต้องการซื้อไข่ไก่ของประชาชนมีปริมาณลดลงจนเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์จะติดตามตรวจสอบ จับกุมและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หากพบมีการที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการก็จะถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน “ผู้บริโภคพบเห็นการกักตุนหรือค้ากำไรเกินควร สามารถร้องเรียนได้ทันทีที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569และ ในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด” นายสุพพัตกล่าว
——————————-
12 เมษายน 2563