อย. ร่วม สตช. ทลายแหล่งลักลอบผลิต นำเข้า จำหน่ายเครื่องมือแพทย์ เครื่องสำอาง ซ้ำเติมสถานการณ์โควิด-19 มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

อย. และ สตช. ร่วมปฏิบัติการทลายแหล่งผลิต นำเข้าและจำหน่าย หน้ากากอนามัย อุปกรณ์ชุดตรวจโรคโควิด-19 เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด และเจลแอลกอฮอล์ปลอม รวมของกลางมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท เตือนผู้ประกอบการอย่าซ้ำเติมสถานการณ์โควิด-19 ลักลอบนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ห้ามใช้เมทิลแอลกอฮอล์มาผลิตเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ อย. พร้อมเอาผิดมีโทษทั้งจำ-ปรับ

วันที่ 7 เมษายน 2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายใต้การอำนวยการของคณะทำงานปราบปรามผลิตภัณฑ์และการบริการด้านสุขภาพที่ผิดกฎหมาย โดย พลตำรวจโทเพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน พร้อมด้วย เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ พลตำรวจตรีณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมแถลงผลการลงพื้นที่ 5 แหล่ง จับกุมผู้กระทำความผิดในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยพบการนำเข้าเครื่องมือแพทย์โดยไม่จดทะเบียน สถานประกอบการ ผลิตเครื่องสำอางโดยไม่จดแจ้ง หรือยังไม่ได้รับใบจดแจ้งก่อนผลิต ผลิตเพื่อขายเครื่องสำอางปลอมที่ใช้ฉลากแจ้งชื่อผู้ผลิต ผู้นำเข้าหรือแหล่งผลิตที่ไม่ใช่ความจริงโดยสามารถตรวจยึดของกลางได้ดังนี้

1. หน้ากากอนามัย​​​จำนวน​ 350,000​ชิ้น

2. อุปกรณ์ชุดตรวจ โรคโควิด-19 ​​จำนวน​ 55,000​ชุด

3. เครื่องวัดอุณหภูมิ แบบอินฟราเรด ​จำนวน​ 1,200​เครื่อง

4. ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์​​​จำนวน​ 53,000​ลิตร

5. ผลิตภัณฑ์เจลแอลกอฮอล์​​จำนวน​ 7,896​ชิ้น

6. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง​ ​​จำนวน​ 8,271​ชิ้น
คิดเป็นมูลค่าของกลางที่ตรวจยึดกว่า 50,000,000 บาท

โดย รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า อย. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค โดยจะขยายผล เข้าตรวจสอบหาโรงงานที่ลักลอบผลิต นำเข้าและจำหน่าย หากพบผู้รับอนุญาตฯ รายใดมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทั้งทางอาญาและใช้มาตรการทางปกครองทันที ขอเตือนผู้ประกอบการอย่าซ้ำเติมสถานการณ์โควิด-19 ลักลอบนำเข้าอุปกรณ์ชุดตรวจโรคโควิด-19 เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต สำหรับผู้ผลิตเครื่องสำอางควรเลือกวัตถุดิบแอลกอฮอล์ให้ดีก่อนซื้อมาผลิต ห้ามใช้เมทิลแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เพราะจะเกิดอันตรายกับผู้บริโภค แนะให้ซื้อจากแหล่งจำหน่ายวัตถุดิบที่น่าเชื่อถือและขอเอกสารระบุรายละเอียดของวัตถุดิบ (CoA) เพื่อความมั่นใจในคุณภาพ นอกจากนี้ ในกรณีที่พบแป้งเปียกผสมสีบรรจุขวดติดฉลากว่าเป็นเจลแอลกอฮอล์ จัดเป็นเครื่องสำอางปลอมโทษมีทั้งจำคุกหรือปรับ ซึ่ง อย. พร้อมเอาผิดกับผู้ประกอบการที่ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภคทุกกรณี


สำหรับผู้บริโภคอย่าซื้ออุปกรณ์ชุดตรวจโรคโควิด-19 ทางเว็บเพจหรือสื่อออนไลน์มาใช้โดยเด็ดขาด เพราะการตรวจวิเคราะห์ต้องกระทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพที่มีความชำนาญในการอ่านและแปลผล หากตรวจด้วยตนเองแล้วเกิดข้อผิดพลาดอาจทำให้เข้าใจผิดคิดว่าตนเองไม่ติดเชื้อ จะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อมากขึ้น และ อย่าหลงเชื่อโฆษณาขายยาต้านไวรัสทางเว็บเพจอ้างช่วยรักษาโรคไวรัสโคโรนา เพราะการใช้ยาดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ การซื้อมาใช้เองอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา ที่สำคัญกฎหมายไม่อนุญาตให้ขายยาผ่านทางอินเทอร์เน็ต เสี่ยงได้รับยาไม่มีคุณภาพหรือยาปลอม และการเลือกซื้อเครื่องสำอางเจลแอลกอฮอล์ขอให้ตรวจสอบเลขจดแจ้งของผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อทุกครั้งโดยสามารถตรวจสอบได้ที่ Oryor Smart Application หรือ อย.ตรวจเลข หรือ Line @ Fdathai

พลตำรวจโท เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดการกักตุนหน้ากากอนามัยและถูกนำมาจำหน่ายในราคาที่สูงเกินสมควร อีกทั้งมีการลักลอบนำอุปกรณ์ชุดตรวจโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ และ เจลแอลกอฮอล์มาโฆษณาขายผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจทำให้เกิดอันตราย แก่พี่น้องประชาชนได้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานปราบปรามผลิตภัณฑ์และการบริการด้านสุขภาพที่ผิดกฎหมายขึ้นมา โดยเน้นย้ำในการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่และประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ซึ่งจากผลการปฏิบัติที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้กระทำผิดพร้อมตรวจยึดของกลางได้จำนวนมาก และขอฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการที่ยังลักลอบกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นการผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย ให้หยุดการกระทำดังกล่าว หากตรวจพบจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่าง ถึงที่สุด


วันที่เผยแพร่ข่าว 7 เมษายน 2563 แถลงข่าว 9 / ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563