“พาณิชย์”สรุปผลการจับกุมสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินจริงได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจับได้อีก 6 ราย ทั้งขายผ่านเฟซบุ๊ก และร้านค้าทั่วไป ส่งผลให้ยอดรวมจับกุมได้แล้ว 254 ราย ส่วนไข่ไก่จับไม่ปิดป้ายแสดงราคาได้เพิ่ม 2 ราย รวมยอดทั้งประเทศ 26 ราย เผยขณะนี้สถานการณ์ไข่ไก่ดีขึ้นต่อเนื่อง หลังใช้มาตรการเข้ม ย้ำหากผู้บริโภคพบเห็นการกักตุนหรือค้ากำไรเกินควร ร้องเรียนได้ทันที
นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ ว่า เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีก 6 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 2 ราย โดยเป็นการจับกุมผู้จำหน่ายสินค้าทางเฟซบุ๊ก ราคากล่องละ 733 บาท หรือเฉลี่ยชิ้นละ 14.67 บาท รวม 6,000 ชิ้น และอีกรายเป็นร้านค้าทั่วไป จำหน่ายราคาชิ้นละ 20 บาท ซึ่งได้ส่งดำเนินคดีตามมาตรา 29 แล้วทั้ง 2 ราย
ส่วนในต่างจังหวัดจับกุมได้เพิ่ม 4 ราย โดยพบผู้กระทำผิดตามมาตรา 25 ที่จังหวัดเชียงใหม่ 1 ราย ทำผิดมาตรา 29 ที่จังหวัดปราจีนบุรี 1 ราย และทำผิดมาตรา 25 และ 29 ที่จังหวัดภูเก็ต 2 ราย ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นเป็น 254 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 124 ราย และต่างจังหวัด 130 ราย
ทั้งนี้ โทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มาตรา 28 มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ข้อหาขายแพงเกินสมควร (มาตรา 29) มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นางลลิดากล่าวว่า สำหรับการจับกุมผู้กระทำความผิดจำหน่ายไข่ไก่เกินราคาทั่วประเทศ ณ วันที่ 3 เม.ย.2563 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 2 ราย ที่จังหวัดกาญจนบุรีและสกลนคร ในข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา ทำให้มียอดการดำเนินคดีสะสมรวม 26 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล3 ราย ได้แก่ ไม่ปิดป้ายแสดงราคา 1 ราย และค้ากำไรเกินควร 2 ราย และต่างจังหวัด 23 ราย ได้แก่ ไม่ปิดป้ายแสดงราคา 15 ราย ที่จังหวัดสกลนคร พังงา พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก เชียงราย กาฬสินธุ์ นนทบุรี นครราชสีมา สิงห์บุรี จันทบุรี และเพชรบูรณ์ จังหวัดละ 1 ราย และกาญจนบุรีและสุพรรณบุรี จังหวัดละ 2 ราย และค้ากำไรเกินควร 6 ราย ได้แก่ จังหวัดนครปฐม สระแก้ว อ่างทอง พิษณุโลก จังหวัดละ 1 ราย และนครสวรรค์ 2 ราย และไม่ปิดป้ายกับค้ากำไรเกินควร 2 ราย ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสถานการณ์ไข่ไก่ พบว่า ขณะนี้การผลิตและการจำหน่ายในจังหวัดต่างๆ ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลดีจากมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการ ทั้งการห้ามส่งออกไข่ไก่เป็นระยะเวลา 30 วัน การกำหนดราคาหน้าฟาร์มไม่ควรเกินฟองละ 2.80 บาท การร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ในการชะลอการปลดแม่ไก่ยืนกรงออกไป และการขอความร่วมมือห้างค้าปลีกค้าส่ง ให้จำกัดการจำหน่ายไม่เกินคนละ 1-2 แผง เพื่อให้กระจายได้ทั่วถึง รวมถึงการออกมาตรการให้ผู้ครอบครองไข่ไก่ตั้งแต่ 1 แสนฟองต่อวัน ต้องแจ้งปริมาณการผลิต การรับซื้อ การจำหน่าย และสต๊อก รวมทั้งสถานที่เก็บ ให้กับกระทรวงพาณิชย์ทราบทุกวันตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.2563 เป็นต้นไป ทำให้สถานการณ์ไข่ไก่เข้าสู่ภาวะปกติ
“หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือค้ากำไรเกินควร ขอให้ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด จะมีการเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดทันที”นางลลิดา กล่าว
——————————-
4 เมษายน 2563