วันที่ 31 มีนาคม 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้ทบทวนอัตราและระยะเวลาการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. …. เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนกรณีได้รับผลกระทบสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมติคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจาก มีเหตุสุดวิสัย ให้ขยายความคุ้มครองผู้ประกันตนจากโรคติดต่อ อันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ดังนี้
ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย โดยให้
– ผู้ประกันตนที่ไม่ได้ทำงาน หรือนายจ้างไม่ให้ทำงาน กักตัว 14 วัน เนื่องจากสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด – 19 ประกันสังคมจะจ่ายกรณีว่างงาน เดิม อัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน “แก้ไขปรับเพิ่มเป็น อัตราร้อยละ 62 ของค่าจ้างรายวัน แต่ไม่เกิน 90 วัน”
– กรณีหน่วยงานภาครัฐ มีคำสั่งให้นายจ้างหยุดประกอบกิจการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่ไม่ได้รับค่าจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน เดิม ร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน เป็นระยะเวลา ไม่เกิน 60 วัน “แก้ไขปรับเพิ่มเป็น อัตราร้อยละ 62 ของค่าจ้างรายวัน โดยได้รับตลอดระยะเวลาที่นายจ้างหยุดประกอบกิจการตามคำสั่งทั้งนี้ไม่เกิน 90 วัน”
สำหรับมาตรการดังกล่าวตามที่กระทรวงแรงงานได้เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบและทบทวนให้เพิ่มอัตราและปรับระยะเวลาการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานในครั้งนี้นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการของรัฐบาลที่มีนโยบายที่จะเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้เท่าเทียมกันมากที่สุด
ศูนย์สารนิเทศ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน