GPSC ประกาศเลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 จากกำหนดเดิม 1 เม.ย. 2563 ออกไปไม่มีกำหนด สนองนโยบายรัฐ เลี่ยงผลกระทบโควิด-19 แต่ยังคงประกาศปันผลระหว่างกาล ในอัตรา 0.80 บาทต่อหุ้น ตามกำหนดการเดิม 17 เม.ย. 2563 นี้ พร้อมเดินหน้ามาตรการเฝ้าระวังระบบการผลิตทุกหน่วยปฏิบัติการ เพิ่มความมั่นคงระบบไฟฟ้าและสาธารณูปโภค รองรับความต้องการลูกค้า
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 จากกำหนดเดิมวันที่ 1 เมษายน 2563 ออกไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD และวันกำหนดสิทธิในการได้รับเงินปันผล (Record Date) เพื่อการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งหลังของปี 2562 ตามเดิมเพื่อประโยชน์และรักษาสิทธิของผู้ถือหุ้น
โดยคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ครั้งที่ 2 สำหรับผลประกอบการครึ่งหลังของปี 2562 ตามงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองโดยผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ แล้วในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,255,783,493.60 บาท ซึ่งกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 17 เมษายน 2563 เมื่อรวมกับการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2562 (มกราคม – มิถุนายน 2562) ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2562 ทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 1.30 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,004,933,893.60 บาท
สำหรับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ จะจ่ายให้เฉพาะผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 และคณะกรรมการบริษัทฯ เสนอที่จะไม่จ่ายเงินปันผลประจำปี สำหรับผลการดำเนินงานปี 2562 อีก อย่างไรก็ดี การเลื่อนประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ ดังกล่าว ไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ เพราะหากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เข้าสู่สถานการณ์ปกติ คณะกรรมการบริษัทฯ จะกำหนดวันประชุมและวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ขึ้นใหม่ และจะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบต่อไป
นายชวลิต กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ให้ความร่วมมือต่อนโยบายภาครัฐในการลดความเสี่ยงการแพร่กระจายไวรัสโควิด-19 ด้วยการกำหนดมาตรการเตรียมพร้อมต่าง ๆ ได้แก่ การจัดเตรียมสถานที่ควบคุมพิเศษ
(Safe House) สำหรับการพักอาศัยของพนักงานสายปฏิบัติงานการผลิตที่มีความจำเป็นต้องดูแลระบบความมั่นคงของการผลิตไฟฟ้าและสาธารณูปโภคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้จัดให้มีจุดคัดกรอง และออกกฎระเบียบห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการผลิตและห้องควบคุมการผลิต เพื่อลดโอกาสและป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ยังให้พนักงานสายงานสนับสนุนการผลิต ปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย (Work from home) เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นคงต่อระบบการผลิตไฟฟ้าและสาธารณูปโภคให้ได้มากที่สุดในสถานการณ์ที่ไม่ปกติอันเนื่องมาจากภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้
“มาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างเข้มงวดในขณะนี้ มีส่วนสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงในระบบไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ที่จะตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมความพร้อมสำหรับแผนการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plans: BCP) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดการและดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดชะงัก และสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในเวลาอันรวดเร็ว” นายชวลิต กล่าว
ข้อมูลเกี่ยวกับ GPSC
GPSC ถือหุ้นโดย บมจ.ปตท. (PTT) ในสัดส่วน 22.8% บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (GC) 22.7% บมจ.ไทยออยล์ (TOP) 8.9% บจ. ไทยออยล์ พาวเวอร์ (TP) 20.8% และนักลงทุนทั่วไป 24.8%GPSC แกนนำในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่ม ปตท. ดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าอุตสาหกรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และอื่น ๆ โดยปัจจุบัน มีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ได้รับอนุมัติแล้วตามสัดส่วนการถือหุ้น (Equity MW) รวมประมาณ 5,026 เมกะวัตต์ ไอน้ำรวมประมาณ 2,876 ตันต่อชั่วโมง น้ำเย็นรวมประมาณ 15,400 ตันความเย็น และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมรวมประมาณ 7,372 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อส่วนสื่อสารองค์กร
จุฑามาศ รัตนจันทรานนท์ โทร 085-660 8590 อีเมล์ juthamas.r@gpscgroup.com