นายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้มีความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันเทคโนโลยีกำปงสปือ ราชอาณาจักรกัมพูชา ด้านการจัดระบบการเรียนการสอนอาชีวศึกษา การพัฒนาหลักสูตร หนังสือเรียน และสื่อการเรียนการสอน การจัดหาอุปกรณ์พร้อมทั้งวัสดุฝึก การพัฒนาผู้บริหาร ครู และการจัดกิจกรรมเสริมความรู้และทักษะวิชาชีพให้กับครู และนักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงการจัดฝึกอบรม ศึกษาดูงาน และการจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรอื่น ๆ
เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวต่อไปว่า สอศ. ได้มอบหมายให้สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคกลาง ดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาประสบการณ์วิชาชีพในประเทศไทย ให้กับนักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีกำปงสปือ ราชอาณาจักรกัมพูชา จำนวน 30 คน แบ่งออกเป็น 5 สาขาวิชา ได้แก่ พืชศาสตร์ จำนวน 9 คน สัตวศาสตร์ จำนวน 8 คน คอมพิวเตอร์ธุรกิจ จำนวน 5 คน เทคโนโลยีอาหาร จำนวน 6 คน เทคโนโลยีไฟฟ้า จำนวน 2 คน โดยเข้ารับการพัฒนาประสบการณ์วิชาชีพ ระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2562 – 15 มีนาคม 2563 รวมระยะเวลา 89 วัน ในหน่วยงานและสถานประกอบการ 9 แห่ง ที่อยู่ใน 7 จังหวัด ให้การสนับสนุน ได้แก่ บริษัทในเครือเบทาโกรกรุ๊ป (บริษัท บี ฟู้ด โปรดักส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด) บริษัท อาหารเบทเทอร์ จำกัด จังหวัดลพบุรี บริษัท คลีนฟาร์ม จำกัด จังหวัดสระบุรี บริษัทนงนุชแลนด์สเคป แอนด์การ์เด้น ดีไซด์ จำกัด จังหวัดชลบุรี ฟาร์มเห็ดเพชรสุพรรณ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 9 จังหวัดสุพรรณบุรี บริษัท อาซีฟา จำกัด จังหวัดสมุทรสาคร บริษัท ซีพีแรม จำกัด จังหวัดปทุมธานี และสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) จังหวัดราชบุรี และมีสถาบันการอาชีวศึกษา และสถานศึกษาในสังกัด สอศ. จำนวน 9 แห่ง ให้การประสานงาน ดูแลนิเทศติดตามประเมินผล ได้แก่ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 4 สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคกลาง โดยวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี และวิทยาลัยการอาชีพบางแก้วฟ้า ซึ่งนักศึกษาทั้ง 30 คน ได้รับการพัฒนาประสบการณ์วิชาชีพตามสมรรถนะวิชาชีพที่ตรงกับความต้องการของนักศึกษาและสถานประกอบการ และหลังจากฝึกประสบการณ์แล้วต้องนำเสนอผลการฝึกประสบการณ์วิชาชีพให้ที่ประชุมรับทราบ
เลขาธิการฯ กล่าวปิดท้ายว่า สอศ. ได้จัดให้มีการปัจฉิมนิเทศและมอบวุฒิบัตรให้กับนักศึกษาทั้ง 30 คน เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มีนาคม 2563 ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสระแก้ว ซึ่งจากการนำเสนอผลงานของนักศึกษาเห็นได้ชัดเจนว่า นักศึกษามีความรู้ มีทักษะด้านวิชาชีพเกษตรเพียงพอที่จะนำไปพัฒนาตนเอง นำไปประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงครอบครัว และพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป อีกทั้งยังเป็นการสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีให้กับประเทศไทยและราชอาณาจักรกัมพูชาสืบไป