นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ รายงานผลการจับกุมดำเนินคดีผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ของ วันที่ 13 มีนาคม 2563 จำนวน 10 ราย ดังนี้
– กรุงเทพฯ จำนวน 3 ราย โดยเป็นการจับกุมร้านขายยา 1 ราย และเป็นการล่อซื้อจับกุม Online 2 ราย ผ่านทาง app line และ facebook พบขายหน้ากากอนามัยกล่อง 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 750 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 15 บาท จึงแจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุมและข้อหาขายแพงเกินสมควรทั้งสองราย
– ต่างจังหวัด จำนวน 7 ราย ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดชลบุรี จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดชุมพร จังหวัดตาก จังหวัดละ 1 ราย ทั้งเจ็ดรายขายหน้ากากอนามัยในราคาชิ้นละ 13-25 บาท จึงได้แจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุม และข้อหาขายแพงเกินสมควร
โดยสถิติการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดถึงวันที่ 13 มีนาคม 2563 มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 145 ราย แบ่งเป็นการจับกุมในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 91 ราย และในต่างจังหวัด 54 ราย นอกจากได้จับกุมคนขายหน้ากากอนามัยแพงอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศแล้ว ที่ผ่านมากระทรวงยังได้ตรวจสอบจับกุมผู้กระทำความผิดขายเจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบซึ่งเป็นสินค้าควบคุม ในข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและข้อหาขายแพงเกินสมควรอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ด้วย
ทั้งนี้ปลัดกระทรวงได้เน้นย้ำเรื่องการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นสินค้าควบคุม หากพบขายแพงเกินสมควรก็มีความผิดในข้อหาขายสินค้าแพงเกินสมควรตามมาตรา 29 จึงขอให้ผู้ค้าสินค้าทั้งหลายห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยเด็ดขาด
สำหรับโทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ในข้อหาขายเกินราคาควบคุม จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขายมีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ในข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท และหากเป็นผู้นำเข้าหรือตัวแทนจำหน่ายก็ต้องแจ้งปริมาณการถือครองสินค้าต่อกรมการค้าภายใน หากฝ่าฝืนจะมีความผิดซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ด้วย หากพบเห็นผู้กระทำผิด โปรดแจ้งข้อมูลและหลักฐานมายัง สายด่วน 1569 หรือสื่อโซเชียลของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
————————————————————— 14 มีนาคม 2563