วันที่ 13 มีนาคม 2563) ณ ห้องประชุม THARAPHI โรงแรม Hilton Nay Pyi Taw กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จมาทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้านการป้องกันเอชไอวี ในฐานะทูตสันถวไมตรีของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติในการป้องกันเอชไอวีในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ด้านการป้องกันเอชไอวีในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก รวมถึงการดำเนินงานด้านการกินยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และนวัตกรรมในการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีที่จะส่งผลต่อการดำเนินการป้องกันเอชไอวีในภูมิภาคอันเป็นส่วนสำคัญที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายของการยุติเอดส์ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการพระดำริ นายเอม่อน เมอร์ฟี ผู้อำนวยการโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ สำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ผู้แทนเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เฝ้ารับเสด็จด้วย
ในการนี้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ด้านการป้องกันเอชไอวี ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของประเทศไทย ที่จะนำไปสู่การยุติปัญหาเอดส์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กับคณะผู้แทนระดับสูงของประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี การขยายและจัดบริการด้านเอชไอวีโดยพลังจากชุมชน การดูแลให้บริการอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม รวมถึงแนวทางต่อไปของโอกาสที่จะเกิดความร่วมมือแบบ South-to-South ระหว่างสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและประเทศไทย จากนั้นเสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการผลงานสำคัญด้านเอชไอวีของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ
ในฐานะทูตสันถวไมตรีของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติในการป้องกันเอชไอวีในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงสนับสนุนโครงการมากมายเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงทรงริเริ่มโครงการเพร็พพระองค์โสม โดยขยายและจัดชุดบริการป้องกันแบบผสมผสาน พัฒนารูปแบบบริการใหม่ที่มีประสิทธิภาพ เช่น เพร็พ หรือยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวีมาเสริมในชุดบริการ จัดระบบบริการให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงบริการป้องกันและดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเสริมสร้างทัศนคติเชิงบวกให้แก่สังคมและชุมชน ในการอยู่ร่วมกันกับผู้ติดเชื้อ โดยประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์อย่างมุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาเอดส์ ซึ่งมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวี และลดการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวีและเพศสภาวะลง เพื่อนำไปสู่การยุติปัญหาเอดส์ภายในปี 2573 ต่อไป