คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ปรับอัตราชดเชยกองทุนน้ำมันของดีเซลหมุนเร็ว บี 10 และ บี 20 เพิ่มขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา โดยเมื่อปรับอัตรากองทุนแล้ว ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 7 สูงกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 รวม 3 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 อยู่ 0.50 บาทต่อลิตร
หลังจากการปรับดังกล่าวข้างต้นแล้ว ราคาน้ำมันดิบดูไบได้ปรับลดมาจากระดับ 52.30 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เหลือ 34.16 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ในวันที่ 10 มีนาคม 2563 หรือลดลง 18.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล สาเหตุมาจากการเจรจาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกกับกลุ่มนอกโอเปกที่นำโดยรัฐเซียไม่สามารถตกลงการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันได้
ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศได้ปรับลดตามราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยในช่วงที่ผ่านมาผู้ค้าน้ำมันได้มีการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลงไปแล้ว 5 ครั้ง ลดลง 2.40 บาท/ลิตร
กบน. ในการประชุมวันที่ 11 มีนาคม 2563 ได้มีมติให้ปรับเพิ่มอัตราเงินกองทุนของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 0.50 บาทต่อลิตร ซึ่งหลังจากการปรับแล้ว จะไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล เนื่องจากค่าการตลาดยังอยู่ในระดับสูง (น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 อยู่ที่ 2.5924 บาทต่อลิตร)
อัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
หน่วย : บาทต่อลิตร
ประมาณการสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหลังการปรับอัตราเงินกองทุนแล้ว จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 จากไหลออก -787 ล้านบาทต่อเดือน เป็นเข้ากองทุน 352 ล้านบาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็นกลุ่มน้ำมัน 218 ล้านบาทต่อเดือน และกลุ่มก๊าซ LPG ที่ 134 ล้านบาทต่อเดือน อย่างไรก็ตามหากการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 เพิ่มขึ้นตามแผน คาดว่ากองทุนน้ำมันฯ จะติดลบเพิ่มขึ้นเป็น -794 ล้านบาทต่อเดือน ในช่วงปลายเดือนเมษายน และจะติดลบเพิ่มขึ้นเป็น -1,858 ล้านบาทต่อเดือน ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2563
ณ วันที่ 8 มีนาคม 2563 ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ 36,196 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
ประเภท น้ำมันฯ 41,699 ล้านบาท
ประเภท LPG – 5,503 ล้านบาท
โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 12 มีนาคม 2563
ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง