นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายกรมส่งเสริมการเกษตรขับเคลื่อนโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส Cassava mosaic virus โดยกำหนดให้เป็นมาตรการติดตาม เฝ้าระวัง เพื่อป้องกัน รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับเจ้าหน้าที่ เกษตรกร และกระตุ้นให้ตื่นตัวตระหนักรู้ถึงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมกำชับให้มีการสำรวจติดตามการระบาดในแปลงปลูกมันสำปะหลังของตนเองอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการดำเนินงานโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรคฯ เรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดให้ภาครัฐเข้าไปทำลายตามเงื่อนไขโครงการฯ และจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรที่ทำลายแปลงมันสำปะหลังที่พบโรค ไร่ละ 3,000 บาท ตามพื้นที่ทำลาย ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนโยบายรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฯ
ด้าน นายทวี มาสขาว รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันพบการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังคงเหลือ 29,151.915 ไร่ ใน 11 จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 0.35 ของพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทั้งประเทศ 8.43 ล้านไร่ (53 จังหวัด) จึงได้อนุมัติการทำลายแปลงมันสำปะหลังที่พบการระบาดของโรคแล้ว จำนวน 25,663.225 ไร่
ใช้งบประมาณ 55,432,566 บาท (คิดเป็นร้อยละ 95.63 ของพื้นที่เข้าเกณฑ์อนุมัติทำลาย) และอนุมัติการชดเชยให้กับเกษตรกรแล้ว จำนวน 662.347 ไร่ ใช้งบประมาณ 1,987,041 บาท ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้ส่งเรื่องให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินให้กับกรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อโอนให้สำนักงานเกษตรจังหวัดและเกษตรกร โดยโอนผ่านบัญชี ธ.ก.ส. ที่เกษตรกรได้ลงทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว
สำหรับแผนการขับเคลื่อนตามโครงการฯ ได้วางแนวทางไว้ 4 แนวทาง คือ 1) สำรวจแปลงสม่ำเสมอ 2) ทำลายต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคและแมลงพาหะ 3) ชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะต้องทำโดยรัดกุม พร้อมทั้งปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด และ 4) ส่งเสริมการใช้ท่อนพันธุ์สะอาด
“นอกจากการทำลายพื้นที่พบโรคใบด่างมันสำปะหลังแล้ว ยังมีพื้นที่เฝ้าระวัง 39 จังหวัด จึงได้กำชับและรณรงค์ให้เกษตรกรใช้ท่อนพันธุ์มันสะอาด รวมถึงให้กองขยายพันธุ์พืช จัดทำแปลงผลิตพันธุ์ ณ ศูนย์ขยายพันธุ์พืช จำนวน 5 ศูนย์ ได้แก่ ชลบุรี พิษณุโลก มหาสารคาม สุพรรณบุรี อุดรธานี ตั้งแต่ปี 2562 รวมกว่า 118,000 ลำ ซึ่งสามารถใช้เป็นท่อนพันธุ์ได้กว่า 400,000 ท่อน เพื่อเตรียมรองรับการขาดแคลนท่อนพันธุ์ เนื่องจากต้นมันสำปะหลังที่พบโรคต้องทำลายทิ้งทั้งหมด ไม่เหลือท่อนพันธุ์ เก็บได้เฉพาะหัวมันไว้จำหน่ายเท่านั้น โดยได้รับพันธุ์ที่ผ่านการรับรองมาจากกรมวิชาการเกษตรและมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย” รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว
อย่างไรก็ตามคาดว่าในเดือนมีนาคมนี้ กองขยายพันธุ์พืชจะสามารถจัดสรรท่อนพันธุ์ให้กับพื้นที่ที่พบโรค จำนวน 11 จังหวัด อย่างเหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ระดมเกษตรกรแปลงใหญ่มันสำปะหลัง ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนที่มีแปลงมันสำปะหลัง มาร่วมเรียนรู้ในการผลิตท่อนพันธุ์สะอาดที่ถูกต้องเพื่อเตรียมจัดสรรให้กับพื้นที่ที่ขาดแคลนต่อไป