รถหายเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่หากเกิดขึ้นไปแล้ว และรถยังผ่อนส่งอยู่กับไฟแนนซ์ เราสามารถหยุดชำระค่างวดได้ทันทีตามกฎหมาย!
สาเหตุที่เราไม่จำเป็นต้องส่งชำระค่างวดต่อเนื่องมาจาก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567 ระบุว่า ถ้าทรัพย์สินซึ่งให้เช่าสูญหาย เท่ากับว่าสัญญาเช่าจะถูกระงับไปด้วย เราจึงไม่มีความจำเป็นต้องผ่อนต่อนั่นเอง แต่ก็ใช่ว่าเรื่องจะจบลงทันทีที่รถหายนะครับ เพราะสิ่งที่ตามมาก็คือ “ค่าเสียหาย” ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ มีประกันภัย (ภาคสมัครใจที่มีความคุ้มครองรถหาย) และไม่มีประกันภัย
กรณีมีประกันภัย บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับไฟแนนซ์ โดยหาก “ค่างวดที่ชำระแล้ว” บวกกับ “ค่าสินไหมทดแทน” เท่ากับหรือมากกว่าจำนวนที่ไฟแนนซ์ควรได้ เจ้าของรถก็ไม่ต้องรับผิดชอบค่างวดที่เหลือใดๆ อีก
กรณีไม่มีประกันภัย เจ้าของรถสามารถหยุดชำระค่างวดได้ทันทีเช่นกัน โดยไฟแนนซ์จะทวงถามค่าเสียหายที่เหลือจากเจ้าของรถ หากเจ้าของรถไม่ชำระค่าเสียหายกับไฟแนนซ์ ก็จะเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องของศาลต่อไป โดยศาลจะพิจารณาจากมูลค่ารถในขณะนั้น ค่างวดที่ชำระแล้ว และค่างวดที่ยังคงเหลืออยู่ ซึ่งจะทำให้ค่าเสียหายต่ำกว่าที่ไฟแนนซ์เรียกมาแต่แรก
แต่ระวังให้ดี! เพราะแม้ว่ารถจะมีประกันภัยคุ้มครองรถหายอยู่ แต่หากรถหายด้วยการกระทำอันประมาท เช่น ไม่ล็อครถ, ลงรถโดยติดเครื่องยนต์ไว้ หรือทำกุญแจรถยนต์หาย ฯลฯ ก็อาจเป็นเหตุให้บริษัทประกันไม่รับผิดชอบค่าเสียหายได้
ในกรณีที่พบรถคันที่หายภายหลังจากมีการรับผิดชอบค่าเสียหายจนสิ้นสุดแล้ว รถคันนั้นจะไม่ใช่ของเราอยู่ดี เนื่องจากสัญญาเช่าซื้อถูกระงับไว้ตั้งแต่วันที่รถหายนั่นเองครับ
ดังนั้น หากเกิดเหตุการณ์รถหายขึ้นมาจริงๆ จะไม่มีคำว่า “ผ่อนกุญแจ” อีกต่อไปครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก Sanook.com