นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้ร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ ลงพื้นที่พบปะกลุ่มเกษตรกรชาวสวนลำไย และจัดงานสัมมนาเรื่อง“การค้าเสรีเพื่อยกระดับเกษตรกรไทยก้าวสู่ Smart Enterprise 4.0” ระหว่างวันที่ 14 – 16 กรกฎาคม 2561 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ FTA แก่เกษตรกรชาวสวนลำไย ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง และกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยมีอยู่ รวมถึงเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือยุคการค้าเสรี
นางอรมน กล่าวว่า ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์) จะนำคณะลงพื้นที่พบปะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนลำไยมัดปุ๊กบ้านร้องขุด อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไยแปลงใหญ่ ตามระบบส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่ รวมถึงเป็นผู้รับซื้อลำไยในพื้นที่เพื่อกระจายไปยังตลาดทั่วประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ มาเลเซีย และจีน นอกจากนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะจัดการสัมมนา เรื่อง “การค้าเสรีเพื่อยกระดับเกษตรกรไทยก้าวสู่ Smart Enterprise 4.0” ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2561 ณ โรงแรมแคนทารี ฮิลล์ และในวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 ณ โรงเรียนวัดศรีชุม กลุ่มเกษตรกรทำสวนแม่วาง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งจะมีการเสวนา หัวข้อ “สินค้าผลไม้ในตลาดการค้าเสรี” “วิธีการ และขั้นตอนหลังการเก็บเกี่ยวจนถึงมือผู้บริโภคในต่างประเทศ” และ “เกษตรแนวใหม่ ลดความเสี่ยงด้านราคา” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากภาครัฐและเอกชน อาทิ กรมการค้าภายใน กรมวิชาการเกษตร สภาเกษตรกรแห่งชาติ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ผู้แทน หจก.เนเจอร์ฟู้ดโปรดักส์แอนด์มาร์เก็ตติ้ง ผู้แทนจากสถาบันนวัตกรรมและธุรกิจการค้าเสรี มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต และ Smart Farmer ซึ่งจะร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับโอกาสทางการค้าภายใต้ FTA การพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานส่งออก ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลไม้ โดยเฉพาะลำไย
นางอรมน เสริมว่า ที่ผ่านมา กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้ร่วมกันลงพื้นที่พบปะเกษตรกรและจัดงานสัมมนามาแล้ว 3 ครั้ง สำหรับสินค้าผลไม้ในภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ สินค้ามะม่วง จังหวัดสุโขทัย ทุเรียนและมังคุด จังหวัดจันทบุรี และทุเรียนภูเขาไฟ จังหวัดศรีสะเกษ และยังมีแผนที่จะลงพื้นที่และจัดการสัมมนาในจังหวัดยะลา เพื่อให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ปลูกลองกอง ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย
ลำไยเป็นหนึ่งในสินค้าผลไม้เมืองร้อนที่สำคัญของไทย และได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าแล้วภายใต้ FTA หลายฉบับ โดยเฉพาะตลาดสำคัญ เช่น อาเซียน ยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าลำไยสด ลำไยแช่แข็ง ลำไยกระป๋อง และลำไยอบแห้งแล้ว ยกเว้น ลาว ที่มีการเก็บภาษีลำไยอบแห้งที่ร้อยละ 5 สำหรับญี่ปุ่น และจีน ยกเลิกภาษีสินค้าลำไยสด ลำไยแช่แข็ง และลำไยอบแห้งแล้วภายใต้ FTA ไทย – ญี่ปุ่น และ FTA อาเซียน – จีน นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา จีนได้ลดภาษีสินค้าลำไยกระป๋องให้ไทยจากร้อยละ 15 เหลือร้อยละ 5 ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการส่งออกของไทย
ในปี 2560 ไทยส่งออกลำไยสดไปยังตลาดโลกปริมาณ 726,413.99 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20,970.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 80.53 โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ เวียดนาม (ร้อยละ 55.68) จีน (ร้อยละ 24.93) อินโดนีเซีย (ร้อยละ 13.48) ฮ่องกง (ร้อยละ 3.66) และมาเลเซีย (ร้อยละ 0.93) ในส่วนของลำไยอบแห้ง ไทยส่งออกไปยังโลกปริมาณ 213,980 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 11,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 31.64 ตลาดส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ เวียดนาม (ร้อยละ 67.82) จีน (ร้อยละ 26.64) เมียนมา (ร้อยละ 2.09) ฮ่องกง (ร้อยละ 1.29) และอินโดนีเซีย (ร้อยละ 0.38) สินค้าลำไยกระป๋อง ในปี 2560 ไทยส่งออกไปยังโลกปริมาณ 8,681.89 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 504.56 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.34 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ มาเลเซีย (ร้อยละ 36.72) สิงคโปร์ (ร้อยละ 17.32) อินโดนีเซีย (ร้อยละ 15.35) สหรัฐฯ (ร้อยละ 11.24) และกัมพูชา (ร้อยละ 5.88) และสินค้าลำไยแช่แข็ง ไทยส่งออกไปยังโลกปริมาณ 13.01 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.34 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 56.17 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ฮ่องกง (ร้อยละ 62.66) ญี่ปุ่น (ร้อยละ 33.62) และมาเก๊า (ร้อยละ 3.72)
ทั้งนี้ เกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้สนใจที่ต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับการจัดทำ FTA ของไทย ประโยชน์ และช่องทางการใช้ประโยชน์จาก FTA ความคืบหน้าการเจรจาจัดทำ FTA ของไทย รวมทั้งกำหนดการจัดงานสัมมนาต่างๆ และการจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเสรีในสินค้าอื่นๆ สามารถติดตามการดำเนินงานได้จากเว็บไซต์กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ www.dtn.go.th