วันที่ (13 กุมภาพันธ์ 2563) ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขและรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวยั่งยืน พร้อมด้วยปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อธิบดีกรมการท่องเที่ยว มีภาครัฐและภาคเอกชนจากทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจำนวนกว่า 500 คน เข้าร่วมระดม ความคิดเห็น ข้อเสนอและแนวทางการบริหารจัดการอย่างเป็นรูปธรรมในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่สำคัญคือการกำหนดมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (“COVID-19”)
โดยในภาคเช้าจะเป็นการบรรยายและนำเสนอประเด็นเพื่อฉายภาพให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้เข้าใจแนวโน้มทิศทางผลกระทบของสถานการณ์โรคระบาดที่มีผลต่อเศรษฐกิจโลก ทางรอดของเศรษฐกิจไทย และแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นของประเทศไทยบนสถานการณ์วิกฤติ โดยวิทยากรนักวิชาการอิสระ ธนาคารแห่งประเทศไทย และศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จากนั้นในภาคบ่ายจะเป็นการแบ่งกลุ่มการประชุมเชิงวิชาการ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในกลุ่มคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ กลุ่มการยกระดับคุณภาพมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย กลุ่มสร้างความเชื่อมั่นในคนไทยและต่างชาติ (ไวรัส,ความปลอดภัย,เศรษฐกิจ) และกลุ่มการเยี่ยวยาจากสภาวะวิกฤติในปัจจุบันและที่จะมีผลต่ออนาคต
ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบชุดมาตรการฯ ระยะสั้นและระยะยาวที่เสนอโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว ได้แก่ มาตรการด้านภาษี โดยการขยายเวลาการยื่นแบบรายการชำระภาษี ปี 2562 ออกไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2563 การสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงกิจการโรงแรม มาตรการเสริมสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน กำหนดจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนเพื่อเสรอมสร้างความเข้มแข็งให้ห่วงโซ่อุปทาน การศึกษาและวางกรอบการขยายเวลาเปิด-ปิดสถานประกอบการเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวหรือโซนนิ่ง รวมถึงการสนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำชาร์เตอร์ไฟลท์สำหรับนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูงสู่พื้นที่เมืองรอง
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการของทั้ง 4 กลุ่มนี้ จะทำให้เห็นภาพมาตรการการช่วยเหลือทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้อย่างชัดเจนขึ้น โดยมุ่งนั่นให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำไปกำหนดกลยุทธ์และแผนงานที่ทันและสามารถรองรับต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่หมุนเร็วมาก รวมทั้งให้ภาคเอกชนสามารถนำแนวทางตามมาตรการไปใช้ในการปรับตัวและพัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรอบด้าน ที่สำคัญคือ เป็นการเยียวยาพี่น้องผู้ประกอบการภาคเอกชนซึ่งถือว่าเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะได้นำมาตรการต่าง ๆ ที่ได้ในวันนี้นำเสนอรัฐบาลต่อไป
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มั่นใจว่าการประชุมร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในครั้งนี้ จะบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายด้วยดี โดยเฉพาะทุกภาคส่วนจะมีความเชื่อมั่นและกำลังใจที่จะร่วมมือร่วมใจดำเนินการตามมาตรการและแนวทางที่จะทำให้ประเทศไทยและพี่น้องประชาชนผ่านวิกฤติไปได้ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมีความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ขอยืนยันว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมจะต่อสู้ยืนเคียงข้างผู้ประกอบการและพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เพื่อให้การท่องเที่ยวนำมาซึ่งการเจริญเติบโตของประเทศได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน