กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หวั่นการแอบอ้าง“เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์” หรือที่เรียกกันว่า “เบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์” หรือ “เบียร์ 0%” ที่มีการโฆษณาตามสื่อต่างๆ ตามสถานประกอบการทั่วไปที่มีการติดป้ายไว้หน้าร้านนั้น มักพบผู้ประกอบการขายร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วไป อาจเป็นสาเหตุชี้นำให้กลุ่มวัยรุ่นเยาวชนทดลองดื่มรสชาติเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ นำไปสู่การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในอนาคต
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 นายแพทย์ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีเครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือ “เบียร์ 0%” ที่เป็นกระแสสังคมและจำหน่ายกันอย่างแพร่หลายตอนนี้ เนื่องจากมีลักษณะเหมือนกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกประการ แต่เมื่อไม่มีแอลกอฮอล์ จึงมักทำการตลาดได้อย่างสินค้าทั่วไป เพื่อหวังขยายฐานลูกค้า ทำกำไรเพิ่มยอดขายให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะกฎหมายทำอะไรไม่ได้ ใช้ชื่อและตราสัญลักษณ์คล้ายกัน จนแทบจะแยกไม่ออกและอาจจะเป็นโอกาสในการแอบอ้างชื่อเบียร์ 0% ของผู้ประกอบการที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปกติ ร่วมกันกับเบียร์ 0% ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้วัยรุ่นและเยาวชนทดลองรสชาติเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ นำไปสู่การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จริงได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ยังพบว่าแผนการตลาดของเบียร์ 0% ทางบริษัทผู้ผลิต เน้นเป้าหมายลูกค้า 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มคนทำงาน 2.กลุ่มผู้ปกครองรุ่นใหม่ 3.กลุ่มดูแลสุขภาพ 4.กลุ่มที่มีประสบการณ์ชีวิต โดยทั้ง 4 กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นถึงวัยกลางคนที่เป็นกลุ่มหลักในการดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว ฉะนั้นการที่วัยรุ่นหรือเยาวชนเห็นเบียร์ 0% ในแง่จิตวิทยา เป็นการสร้างการเรียนรู้ทางสังคม การปลูกฝังเบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือเบียร์ 0% กลายเป็นว่าคนทั่วไปนึกว่าให้ลูกดื่มได้ ให้เด็กดื่มได้ เพราะไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่ใช่เบียร์หรือเหล้า ไม่ทำให้เมา อาจกลายเป็นการปลูกฝังให้รู้จักเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น พอโตขึ้นนำไปสู่การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ง่ายขึ้น เป็นการมุ่งเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มเบียร์เป็นเรื่องปกติ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างนักดื่มหน้าใหม่
นายแพทย์ขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ประชาชนส่วนใหญ่เมื่อเห็นโฆษณาเครื่องดื่มเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือเบียร์ 0% จะนึกถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า ซึ่งเป็นการโฆษณาทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดในสาระสำคัญของสินค้า อีกทั้งการจำหน่ายสามารถทำได้อย่างอิสระ และอาจทำให้ประชาชนสับสนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
**************************************************
ข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563