ประกันสังคม เฝ้าระวังสถานการณ์โรคระบาดเชื้อ“ไวรัสโคโรน่า” แจงหากพบในผู้ประกันตน ต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน พร้อมประสานโรงพยาบาลในระบบประกันสังคมดูแล ควบคุมอย่างใกล้ชิดพร้อมประสานส่งตัวเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีในโรงพยาบาลสังกัดกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยผู้ประกันตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของ “ไวรัสโคโรน่า” สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งปัจจุบันเชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คน จากการไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของคนที่ป่วย และขณะนี้อยู่ในการดูแลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแล้ว ดังนั้น “ไวรัสโคโรน่า” อาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป สำหรับผู้ประกันตนที่สัมผัส กับผู้ติดเชื้อ หากมีอาการดังต่อไปนี้ เช่น มีอาการไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หรือหายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และขอให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกทันที เพื่อทำการตรวจเชื้อ เพราะโรคนี้มีความเสี่ยงสูงเป็นอันตรายถึงชีวิต กรณีหากพบว่าผู้ประกันตนมีการติดเชื้อ “ไวรัสโคโรน่า” จะต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้ประสานให้สถานพยาบาลคู่สัญญา 242 แห่ง และเครือข่ายทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมในการรักษา และวิธีป้องกันอย่างเต็มที่ พร้อมประสานส่งตัวผู้ประกันตนเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีในโรงพยาบาล สังกัดกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตามขั้นตอนกระบวนการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดโดยผู้ประกันตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปถึงวิธีป้องกันโรค “ไวรัสโคโรน่า” แต่ทุกคนควรป้องกันโรคทุกชนิดด้วยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ ใช้ผ้าปิดปาก เมื่อมีอาการไอ หรือจาม สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัด และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องระวังมากที่สุด คือ กลุ่มผู้ที่มีอาชีพสัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวชาวจีน ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ด้วยความห่วงใยไปยังลูกจ้าง ผู้ประกันตน จากสำนักงานประกันสังคม หากผู้ประกันตนมีข้อสงสัยโทรปรึกษาสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422 หรือปรึกษาการใช้บริการทางการแพทย์ สำนักงานประกันสังคม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ โทร.02 956 2498 หรือ สายด่วนหมายเลข 1506 และที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ทั่วประเทศ
———————————————————————-