กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ จัดพิธีเปิดอาคารโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดอาคาร พร้อมทั้งมอบกุญแจห้องให้กับผู้แทนผู้ได้สิทธิเช่า จำนวน 5 กลุ่ม ร่วมด้วย พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายไมตรี อินทุสุต ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ คณะผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงานการเคหะแห่งชาติ และชาวชุมชนดินแดง รวมทั้งสิ้น 400 คน ให้การต้อนรับ ณ บริเวณที่ตั้งโครงการหัวมุมถนนวิภาวดีรังสิตตัดกับถนนดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตและเป็นความมั่นคงของมนุษย์ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กำหนดกรอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะยาวของประเทศ เพื่อให้เป็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านการอยู่อาศัยของประชาชนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มุ่งเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายและทิศทางการพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ โดยมีเป้าหมายให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วภายในปี 2579 สำหรับโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2543 ใช้เวลามาถึง 16 ปี จนสำเร็จได้ในรัฐบาลชุดนี้ ด้วยกระบวนการการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ทั้งชาวชุมชนดินแดง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การเคหะแห่งชาติ กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร กรมธนารักษ์ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมกันดำเนินโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงจนเป็นผลสำเร็จในระยะที่ 1 จัดสร้างเป็นอาคารพักอาศัยสูง 28 ชั้น จำนวน 334 หน่วย ขนาดพื้นที่ห้อง 33 ตารางเมตร พร้อมด้วยระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการครบครัน มีการบริหารจัดการการอยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพ ถือเป็นโครงการนำร่องแห่งแรกที่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจพัฒนาให้เป็นชุมชนคุณภาพ และรัฐบาลจะสนับสนุนให้โครงการระยะ 2, 3 และ 4 ได้ดำเนินการตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง
ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ ดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยให้กับชาวชุมชนดินแดงตามนโยบาของรัฐบาล โดยมุ่งเน้นกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันมีมติให้ความเห็นชอบแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. 2559 – 2567) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559 ให้ดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งโครงการ รวม 36 อาคาร 20,292 หน่วย การพัฒนาแบ่งเป็นรองรับผู้อยู่อาศัยเดิม 6,546 หน่วย และรองรับผู้อยู่อาศัยใหม่ 13,746 หน่วย ระยะเวลาดำเนินการรวม 8 ปี และอนุมัติดำเนินโครงการระยะที่ 1 อาคารพักอาศัยแปลง G (รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม อาคารแฟลตที่ 18 – 22) จำนวน 334 หน่วย โดยการเคหะแห่งชาติได้จัดสร้างขึ้นบริเวณหัวมุมถนนวิภาวดีรังสิตตัดกับถนนดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ มีกำหนดระยะเวลาก่อสร้าง 18 เดือน ซึ่งได้รับเกียรติจาก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2559 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมพื้นที่เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยเดิมย้ายเข้าอาศัย และสามารถขนย้ายเข้าอยู่อาศัยได้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม – 22 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไป โดยชาวชุมชนดินแดงจะจ่ายค่าเช่าเดิมในปัจจุบันเป็นหลัก รวมกับค่าบริหารจัดการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ 825 บาทต่อเดือน และค่าภาษีโรงเรือน 12.5% จะทำให้ค่าเช่าใหม่อยู่ระหว่าง 1,286 – 4,371 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติได้พิจารณาให้สิทธิการเช่าผู้อยู่อาศัยเดิมแฟลตที่ 18 – 22 เข้าอยู่อาศัยในอาคารพักอาศัยแปลง G แล้ว มีจำนวน 238 ราย และมีผู้ไม่ประสงค์ จะเข้าอยู่อาศัย ในอาคารแปลง G จำนวน 45 ราย พร้อมรับค่าชดเชยสิทธิจำนวน 400,000 บาท
สำหรับการขับเคลื่อนโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะที่ 2, 3 และ 4 (รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม) จำนวน 6,212 หน่วย การเคหะแห่งชาติได้ออกแบบโครงการและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
พร้อมทั้งนำเสนอให้สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาครบทุกแปลงแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) กรุงเทพมหานคร ส่วนการขออนุมัติดำเนินโครงการอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณให้ความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ส่วนการดำเนินโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะที่ 3 และ 4 (รองรับผู้อยู่อาศัยใหม่) จำนวน 13,746 หน่วย จะเป็นรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมนำเสนอคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ
พิจารณาก่อนนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งในช่วงการศึกษาได้มีการรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มผู้ลงทุน (Market Sounding) โดยมีภาคเอกชนให้ความสนใจเข้าร่วมประชุมหลายราย ซึ่งได้ให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ สามารถนำไปปรับใช้เป็นข้อมูลในการหารูปแบบและแนวทางให้มีความเหมาะสมทั้งด้านการพัฒนาโครงการและรูปแบบการลงทุนต่อไป
ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ยังได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาอาคารพักอาศัยแปลง G ให้นำไปสู่การเป็น “Din – daeng Smart Town” ในอนาคตว่า การเคหะแห่งชาติจะนำร่องนำนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาอาคารพักอาศัยแปลง G ให้เป็น Smart Life เช่น ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน (Smart Security) นอกจากจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณด้านหน้าโครงการและภายในอาคารแล้ว การเคหะแห่งชาติจะนำระบบคีย์การ์ดและการติดตั้งกล้องวงจรปิดเข้ามาใช้เพื่อป้องกันผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาภายในอาคาร และจัดให้มีระบบป้องกันอัคคีภัยที่ได้มาตรฐานในอาคารสูง ด้านการออกแบบชุมชน (Smart Community) ได้นำหลักการออกแบบสำหรับทุกคน (Universal Design) เพื่อรองรับผู้สูงอายุ เนื่องจากผู้อยู่อาศัยในชุมชนดินแดงมีผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก จึงได้ออกแบบอาคารพักอาศัยแปลง G ให้รองรับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างสะดวก เช่น จัดให้มีทางลาดสำหรับรถเข็นเกือบทุกพื้นที่ของอาคาร การมีลิฟต์สำหรับขึ้น – ลงอาคาร รวมถึงจัดให้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องน้ำในชั้น 8 และชั้น 9 และด้านการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Smart Environment) ภายในอาคารได้กำหนดให้ใช้หลอดไฟ LED เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า มีการจัดเก็บขยะอย่างมีระบบโดยการคัดแยกขยะก่อนนำไปทิ้งโดยใช้หลัก 3 R ได้แก่ Reduce Reuse และ Recycle รวมถึงการนำน้ำบางส่วนที่ผ่านการบำบัดแล้วไปใช้รดน้ำต้นไม้ในโครงการ เป็นต้น