วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ที่โรงพยาบาลราชวิถี กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล ติดตามการรักษาผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อและผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่รักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี
นายอนุทินกล่าวว่า การเตรียมการรับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศไทยได้เตรียมพร้อมทุกอย่าง โดยมีทีมแพทย์ 2 ทีม ได้แก่ ทีมจากสถาบันบำราศนราดูร ประกอบด้วย แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน แพทย์ระบาดวิทยา จิตแพทย์ ทีมที่ 2 เป็นแพทย์จากเหล่าทัพ เป็นการบูรณาการทำงานตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อดูแลคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่นให้ดีที่สุด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมเวชภัณฑ์ไว้พร้อมแล้ว
“ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี พระราชทานเวชภัณฑ์ ของใช้จำเป็นในการดำรงชีวิตและการป้องกันโรคให้กับประชาชนชาวจีน โดยจะนำไปพร้อมเที่ยวบินวันพรุ่งนี้” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวต่อว่า เราต้องทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับคนไทยที่กลับมา ทุกคนคือคนปกติ ไม่ใช่ผู้ป่วยและได้รับการตรวจสุขภาพมาจากจีน เพื่อให้มีความมั่นใจว่ามีความปลอดภัยในการเดินทางตามมาตรฐานการควบคุมเฝ้าระวังโรค ส่วนการที่ต้องรับตัวคนไทยกลุ่มนี้ไว้เฝ้าระวังโรค 14 วันนั้น เป็นไปตามมาตรฐานสากล ที่สำคัญคือ คนไทยที่กลับมาต้องมีสถานที่ที่มีความปลอดภัย มีความเหมาะสม ไม่เพิ่มความเครียด เช่น สามารถเดินออกมารับอากาศบริสุทธิ์ได้ ขณะนี้ได้เตรียมสถานที่ไว้ 2-3 แห่ง ทุกที่พร้อมหมด ขอให้มั่นใจว่าจะไม่มีคนใดแพร่เชื้อในคนไทยอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย ออกกำลังกาย” เมื่อร่างกายแข็งแรงโอกาสติดเชื้อจะลดลงได้มาก และเป็นการป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
สำหรับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทั้ง 19 ราย ทุกรายอาการดีขึ้น กลับบ้านแล้ว 8 ราย ยังนอนในโรงพยาบาล 11 ราย และกำลังจะอนุญาตให้กลับบ้านอีก 4 ราย โดยที่โรงพยาบาลราชวิถี ผู้ป่วยอาการดีขึ้นทุกราย โดยเฉพาะชาวจีนที่ส่งต่อมาจากโรงพยาบาลในอำเภอหัวหินมีอาการค่อนข้างหนัก ทีมแพทย์ได้ให้การดูแลรักษาตามความรู้ทางการแพทย์ ยาที่ใช้รักษาไม่ใช่ยาคิดค้นขึ้นมาใหม่ เป็นยาที่มีอยู่แล้ว บวกกับประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ รวมทั้งจากการศึกษาจากต่างประเทศ โดยนำยาต้านไวรัสรักษาไข้หวัดใหญ่และรักษาเอดส์มาใช้รักษา การรักษาได้ผลดี ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว ซึ่งการรักษาในครั้งนี้เพื่อเก็บข้อมูล (case report) และจะนำไปมอบให้สถาบันทางการแพทย์ต่างๆ ศึกษาหาข้อเท็จจริงต่อไป เพื่อให้ได้แนวทางรักษาผู้ป่วยให้หายขาดทุกราย จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะไทย
“มาตรฐานการแพทย์ไทยเป็นที่ชื่นชมและเป็นประโยชน์ต่อวงการการแพทย์และสาธารณสุข ให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยดูแลรักษาผู้ป่วย ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศจนอาการหายดี ทุกคนอยากกลับบ้าน แต่ต้องแพทย์ผู้รักษาอนุญาต โรคนี้เป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ ไม่มีการรักษามาตรฐาน เป้าหมายขณะนี้คือการรักษาให้หาย การจัดการผลการรักษาให้เป็นมาตรฐานไว้ทีหลังได้ เน้นผลการรักษาพยาบาลให้คนไข้หายป่วย” นายอนุทินกล่าว