วันอาทิตย์ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีบรรพชาอุปสมบทหมู่ราษฎรบนพื้นที่สูงประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๒๖๙ รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
พลเอก อนันตพร กล่าวว่า “โครงการพระธรรมจาริก” เป็นโครงการที่กรมประชาสงเคราะห์ หรือปัจจุบันเรียก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินงานร่วมกับคณะพระธรรมจาริก และมูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ชนถิ่นกันดารสมเด็จพระศรีนครินทราบรมนาถชนนี ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ราษฎรบนพื้นที่สูง พัฒนาทางคุณภาพชีวิตทั้งทางด้านจิตใจ การศึกษา การพยาบาล ฯลฯ สร้างจิตสำนึกให้ราษฎรบนพื้นที่สูงรู้จักสำนึกในความเป็นไทย และจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งตลอดระยะเวลา ๕๓ ปีที่ผ่านมา โครงการพระธรรมจาริกได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ในการถวายปัจจัย เครื่องอุปโภคบริโภค และสนับสนุนการพัฒนางานพระธรรมจาริกมาโดยตลอด
พลเอก อนันตพร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันโครงการพระธรรมจาริก มีสำนักงาน ๒ แห่ง ประกอบด้วย ๑) สำนักงานประธานคณะพระธรรมจาริก ตั้งอยู่ ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพมหานคร ๒)สำนักงานพระธรรมจาริกส่วนภูมิภาค วัดศรีโสดา พระอารามหลวง จังหวัดเชียงใหม่ และมีอาศรมพระธรรมจาริกทั้งสิ้น ๓๑๓ อาศรม แยกเป็นอาศรมหลัก ๑๗๐ อาศรม และมีพระธรรมจาริกปฏิบัติงานในพื้นที่ ๓๒๐ รูป ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า ๕๓ ปีแห่งการสถาปนาโครงการพระธรรมจาริกนั้น มีผู้ที่ผ่านการบรรพชาอุปสมบท จำนวนทั้งสิ้น ๑๐,๙๐๙ คน ยังครองสมนะเพศเป็นพระธรรมจาริกถึงจำนวน ๕๔๖ รูป แบ่งเป็น พระภิกษุ ๑๓๙ รูป สามเณร ๔๐๗ รูป ในปีพ.ศ. ๒๕๖๑ มีผู้ขอบรรพชาอุปสมบทหมู่ทั้งสิ้น ๒๖๙ รูป จาก ๒๐ จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก กาญจนบุรี แม่ฮ่องสอน น่าน ราชบุรี ลำพูน เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พะเยา เพชรบูรณ์ เลย แพร่ ลำปาง อุทัยธานี สุพรรณบุรี กำแพงเพชรพิษณุโลก และสุโขทัย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ผู้ที่ผ่านการบรรพชาอุปสมบทแล้ว จะต้องปฏิบัติตนดังนี้ สามเณร จะต้องศึกษาพระธรรมวินัย หลักสูตรสามัญทั่วไป หลักสูตรนักธรรม และหลักสูตรบาลี ศึกษาหลักการดำเนินงานของพระธรรมจาริก และพระภิกษุ จะต้องศึกษาหลักการดำเนินงานของพระธรรมจาริกและออกไปประจำอาศรม เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้ราษฎรบนพื้นที่สูง
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขอเป็นสื่อกลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ราษฎรบนพื้นที่สูงของคณะพระธรรมจาริก แม้ความห่างไกลจะเป็นอุปสรรค แต่ศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนาของคณะพระธรรมจาริก จะนำพาชีวิตราษฎรบนพื้นที่สูงให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป พลเอก อนันตพร กล่าวในตอนท้าย