ในค่ำคืนเดือนมืด ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด…มีเพียงเล็ก ๆ ที่กระพริบอยู่ที่ต้นลำภูริมน้ำ ที่ยังคงในความสว่างไหว…. สมัยผู้เขียนเด็ก ๆ เคยสงสัยว่าแมลงอะไรหนอ!!! ทำไมมีไฟที่ก้นด้วย…เวลานอนพอกางมุ้งเสร็จต้องคอยระแวดระวังไม่ให้หิงห้อยบินเข้ามา…คุณยายของผู้เขียนบอกว่าหิงห้อยมันจะบินเข้าหูเรา…ซึ่งตอนนั้นผู้เขียนกลัวมาก
หิ่งห้อย เป็นแมลงปีกแข็ง ลำตัวเป็นทรงกระบอก มีขนเล็ก ๆ ขึ้นปกคลุมตัวยาวประมาณ 5-25 มิลลิเมตร หิ่งห้อยเรืองแสงได้ในเวลากลางคืน โดยธรรมชาติของหิ่งห้อยแล้วมันชอบอาศัยอยู่ตามพุ่มไม้ หรือตามพื้นที่ชุ่มชื้นใกล้หนองน้ำ หรือลำธารที่มีน้ำใสสะอาด เวลากลางวันหิ่งห้อยจะหลบซ่อนตัวอยู่ตามพงหญ้าหรือวัชพืช กาบไม้ซอกไม้ต่าง ๆ และจะออกมาในเวลากลางคืน จึงบินออกมาจับคู่ผสมพันธุ์และวางไข่ และที่สำคัญตรงนั้นต้องเป็นน้ำนิ่งไม่มีมลพิษจากสิ่งแวดล้อม เช่น ตามทุ่งนาและบ่อน้ำตามชนบท บางชนิดอยู่ตามดินในป่าและตามป่าชายเลน ต้นไม้ที่หิ่งห้อยชอบเกาะกระพริบแสง ไม่ไช่ต้น ลำพู อย่างเดียวส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่มีใบโปร่ง ในธรรมชาติพบเกาะอยู่ตาม ต้นแสม ต้นโกงกาง ต้นโพทะเลโดยเฉพาะป่าชายเลนที่มีแหล่งอาหารสมบูรณ์ หิ่งห้อยจะกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้รวมทั้งต้นไม้ที่อยู่ตามริมน้ำต่าง ๆ
หิ่งห้อยในปัจจุบันค่อยๆหายไป หรือบางที่อาจจะเรียกว่าสูญพันธ์ไปแล้วในบางพื้นที่ก็ว่าได้..เมื่อธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป แหล่งน้ำไม่ได้สะอาดเหมือนเดิมหิ่งห้อยก็หายไปจากพื้นที่นั้นๆในที่สุด แต่ในทางตรงกันข้าม หลายพื้นที่ยังพยายามอนุรักษ์สัตว์ชนิดนี้ไว้ แต่ก็คงเป็นพื้นที่โดยรอบในเมืองนับวันคงหาดูได้ยาก หรือแทบจะไม่มีแล้วก็ว่าได้ ผู้เขียนพยายามหาข้อมูลพบว่าในประเทศไทยมี 15 สถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงอนุรักษ์และเปิดให้เข้าชมความงดงามของไฟด้วยเล็กๆจากสัตว์ชนิดนี้
แม่น้ำตาปี เกาะลำพู และคลองร้อยสาย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สถานที่นี้เป็นพื้นที่เดียวกับเทศกาลแข่งเรือยาวในเทศกาลชักพระ ในยามค่ำคืนแม่น้ำเงียบสงัดจะมองเห็นหิ่งห้อยเป็นทางยาว มีบริการเรือยนต์พาชมแบบใกล้ชิด บริเวณต้นลำพูริมน้ำมีหิ่งห้อยมาเกาะมองดูคล้ายๆต้นคริสต์มาสเลยก็ว่าได้
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง พระประแดง
สถานที่นี้อยู่ใกล้ๆบ้านผู้เขียนเอง ด้วยสถานที่ถูกอนุรักษ์ไว้เป็นพื้นที่สีเขียวหรือได้ชื่อว่าเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ ธรรมชาติจึงยังคงมีความสมบูรณ์อยู่ บริเวณริมน้ำยังมีต้นลำพูขึ้นอยู่มากมายเป็นที่พักอาศัยของหิ่งห้อยจำนวนมากมาย ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ “ดงผักบุ้ง” ป็นดงกว้าง ๆ มีสะพานปูนเล็ก ๆ ให้ขึ้นไปเดินได้ ที่นี่คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับความงามของบรรยากาศโดยรอบ พร้อมกับฝูงหิ่งห้อยที่อยู่บริเวณพุ่มต้นจากที่เปล่งแสงสว่างท่ามกลางฉากหลังอันมืดมิด สวยงามตระการตามาก เรือให้บริการชมหิ่งห้อยมีวันละ 3 รอบ ได้แก่ รอบ 1 ทุ่ม รอบ 2 ทุ่ม และรอบ 3 ทุ่ม อัตราค่าบริการ 2 คน ราคา 150 บาท 3 คน ราคา 200 บาท 4 คนขึ้นไป ราคา คนละ 50 บาท และเด็ก ราคา 30 บาท ในหนึ่งรอบไปได้เต็มที่ 4 คน ใช้เวลาชมหิ่งห้อยประมาณ 50 นาที
สวนป่าลำพู บางกระสอบ
สถานที่ท่องเที่ยวที่นี่ไม่ไกลจาก ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งมากนักเป็นการท่องเที่ยวในลำน้ำเจ้าพระยาที่เชื่อมต่อกัน สวนป่าลำพู บางกะสอบมีต้นลำพูเก่าแก่ใหญ่ๆ หลายต้นหากมาเที่ยวชมหิ่งห้อยที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งแล้ว เพื่อความต่อเนื่องก็แวะมาเยี่ยมชมที่สวนป่าลำพู บางกระสอบต่อได้เลย
คุ้งบางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ
คุ้งบางกะเจ้า หรือหลายท่านอาจเคยได้ยินในชื่อ กระเพาะหมู เพราะด้วยรูปลักษณ์บนแผนที่มีลักษณะคล้ายกระเพาะหมูนั่นเอง คุ้งบางกะเจ้าถือเป็นแหล่งโอโซนเพราะเป็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ถูกยกย่องว่าเป็นสุดยอดโอเอซิสแห่งเอเซีย นักท่องเที่ยวจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์ พร้อมชื่นชมพรรณไม้ป่าชายเลน และสัตว์น้อยใหญ่หลากหลายชนิด ตลอดจนได้เห็นต้นลำพูที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นตลอดสองข้างทาง
หมู่บ้านสลักคอก เกาะช้าง
เป็นหมู่บ้านชาวประมง หมู่บ้านนี้ถูกล้อมรอบด้วยป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ที่นี่เมื่อมาเที่ยวแล้วนอกจากจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวประมง ยังมีบริการเรือคายักให้ท่องเที่ยวพายเล่นไปตามลำคลองชมความงดงามของป่าชายเลน หรือจะเลือกนั่งเรือที่มีให้บริการเที่ยวชมก็ได้ ในยามค่ำคืน สองฝั่งคลองจะพบหิ่งห้อยจำนวนมากบินไปมาสวยงามยิ่งนัก
ป่าชายเลนลุ่มน้ำเวฬุ จังหวัดจันทบุรี
การชมหิ่งห้อยของที่นี่ต่างจากที่อื่น นักท่องเที่ยวไม่ได้นั่งเรือชมความงดงามจากทางน้ำ แต่จะเป็นการเดินชมหิ่งห้อย ซึ่งจะเดินไปทางถนนคนเดิน หิ่งห้อยจำนวนมากส่งแสงระยิบระยับนับร้อยนับพันดวงทำให้สองข้างทางสว่างไสวงดงามที่เดียว
สวนยางเมืองประจวบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สวนยางพาราขนาด 10 ไร่ กับฝูงหิ่งห้อยนับแสนตัว กล่าวกันว่าหิ่งห้อยที่นี่ตัวโตขนาดเกือบเท่านิ้วก้อย จึงมีแสงสว่างไสวไปทั่วสวนยาง หิ่งห้อยจะออกมาจำนวนมากช่วงเวลา 19.00 น. จนถึงเวลาประมาณ 21.00 น.และจะลดจำนวนลงเรื่อยๆ
อัมพวา
การล่องเรือชมหิ่งห้อยที่นี่ได้รับการกล่าวขานมานานมาก จะเป็นการล่องเรือไปตามแม่น้ำแม่กลอง จากคลองอัมพวา วนรอบเกาะและก็จะกลับมาที่เดิม ระหว่างทางของการล่องเรือจะพบกับต้นลำพูตลอดสองข้างทางมีหิ่งห้อยจำนวนมากตลอดสองฝั่งน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
บ้านปลาโลมา จังหวัดฉะเชิงเทรา
รีสอร์ทขนาดเล็กท่ามกลางป่าชายเลนของปากน้ำบางปะกง เป็นที่รวมตัวของเหล่าหิ่งห้อยนับร้อยนับพันตัว เป็นความสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์
บ้านแสมชาย จังหวัดเพชรบุรี
สถานที่นี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าจาก ป่าโกงกาง และป่าลำพู เป็นที่อาศัยของหิ่งห้อยนับหมี่นนับแสนตัว โดยเฉพาะคืนเดือนมืด หิ่งห้อยจำนวนมหาศาลจะส่งแสงงดงามมาก
ปากน้ำประแส จังหวัดระยอง
ที่นี่เป็นป่าโกงกางขนาดใหญ่ตลอดเป็นเหมือนกำแพงแนวปากน้ำประแส หิ่งห้อยส่งแสงวูบวาบตลอดแนวลำน้ำที่เงียบสงบของแม่น้ำประแส
เขาค้อทะเลภู
เข้าค้อทะเลภู เป็นเขาหัวโล้น แต่ภายหลังมีการฟื้นฟูจนเป็นป่าแหล่งน้ำที่สมบูรณ์ บนพื้นที่มากกว่า 200 ไร่กับหิ่งห้อยนับแสนตัว สร้างความงดงามในยามค่ำคืนส่งแสงสว่างไสวไปทั่วพื้นที่
บ้านรักไทย จังหวัดพิษณุโลก
หิ่งห้อยจำนวนนับแสนตัวส่งแสงในสวนยางพารา การเที่ยวชมที่นี่จะมีทัคคุเทศก์ท้องถิ่นพาชมทุกวัน และยังมีโปรแกรมเที่ยวชมสวยผลไม้ในโปรแกรมด้วย และหากต้องการที่พักแนวโฮมสเตย์ที่นี่ก็มีบริการเช่นกัน
ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 1 จังหวัดตราด
ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดที่มีหิ่งห้อยมากที่สุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่ามีความงดงามของหิ่งห้อยไม่แพ้ที่อัมพวา ทีเดียว
อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง
แหล่งที่บรรจบของแม่น้ำ 2 สายสำคัญ คือ คลองละอุ่นและคลองบางแก้ว มีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลายและมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีต้นลำพูนับ 100 ต้นในยามหน้าหนาวที่นี่จึงเป็นแหล่งชมหิ่งห้อยที่สวยงามมาก
หิ่งห้อยเป็นความงดงามตามธรรมชาติ ที่นับวันจะค่อยๆเลือนหายไปหากไม่ได้รับการดูแลธรรมชาติให้คงความสมบูรณ์ ในระแวกบ้านของผู้เขียนมีการอนุรักษ์ธรรมชาติก็จริง แต่ด้วยความเจริญของบ้านเมือง และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่างๆทำให้ธรรมชาติถูกทำลายลงไปเรื่อย ๆ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ…หากยังคงปล่อยไว้แบบนี้…ในภายภาคหน้าลูกหลานคงมิได้มีโอกาสชมความงดงามของหิ่งห้อยอีกต่อไป