“จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 1-20 ม.ค. 63 มีรายงานผู้ป่วยแล้ว 16,348 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนผู้ป่วยในปี 2562 ที่ผ่านมา พบว่าสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง และสูงกว่าปีที่ผ่านมาเกือบ 3 เท่า ซึ่งพบผู้ป่วยสูงสุดในช่วง ม.ค.-มี.ค. และช่วงต้นฤดูหนาว กลุ่มอายุที่มีอัตราป่วยมากสุดคือ แรกเกิด-4 ปี รองลงมา 25-34 ปี และ 7-9 ปี ตามลำดับ โดยปีนี้พบเหตุการณ์ผู้ป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่เป็นกลุ่มก้อน ตั้งแต่วันที่ 1-17 ม.ค. 63 จำนวน 6 เหตุการณ์ ใน 6 จังหวัด และในจำนวนนี้พบในโรงเรียน/มหาวิทยาลัยถึง 3 เหตุการณ์ ซึ่งเป็นสถานที่คนรวมตัวกันเป็นหมู่มาก”
“พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพในสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสที่จะพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว บางพื้นที่มีสภาพอากาศที่หนาวเย็น ร่างกายอาจปรับตัวไม่ทัน ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ สามารถติดต่อจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง (น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะ) ของผู้ป่วย ผ่านการไอหรือจามรดกัน โดยหลังจากได้รับเชื้อจะมีไข้สูง อาการคล้ายไข้หวัด แต่จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อมากและปวดศีรษะ อ่อนเพลีย และสามารถหายเองได้ใน 5-7 วัน กรมควบคุมโรค ขอแนะนำประชาชนที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการรวมตัวกันหมู่มาก เช่น การไปร่วมงานในเทศการตรุษจีน สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า ต้องป้องกันตนเองโดยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด และไม่ใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกับผู้อื่นหรือผู้ที่มีอาการป่วย รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ และใช้ช้อนกลาง ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะผักผลไม้ พักผ่อนให้เพียงพอ สวมเสื้อผ้าให้มีความอบอุ่นแก่ร่างกาย ส่วนประชาชนในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือน–2 ปี หญิงมีครรภ์มากกว่า 7 เดือน ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม ผู้ที่มีโรคประจำตัว และบุคลากรทางการแพทย์ หากมีอาการป่วยขอให้ไปพบแพทย์โดยเร็ว เนื่องจากอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดบวม หายใจลำบาก และอาจทำให้เสียชีวิตได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422”
………………………………………………
ข้อมูลจาก : ทีม SAT / สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
วันที่ 25 ม.ค. 2563