นายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า แม้ว่าสถานการณ์คุณภาพน้ำช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะอยู่ในเกณฑ์คุณภาพมาตรฐานปกติ แต่ในช่วงวันที่ 25-29 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงกว่าปกติ อาจทำให้น้ำประปามีค่าคลอไรด์ ค่าความนำไฟฟ้าสูงขึ้น มีรสชาติเปลี่ยนไปจากเดิมบ้างในบางช่วงเวลา แต่คุณภาพน้ำประปาในด้านอื่น ๆ ยังได้มาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) ทุกประการ ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบกับพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น
โดยกรมชลประทานและ กปน. ร่วมมือกันดำเนินการตามปฏิบัติการ Water Hammer of Chao Phraya River Flow Operation (กระแทกลิ่มความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา) เป็นครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 24-27 มกราคม 2563 เพื่อลดการรุกล้ำของน้ำเค็มที่สถานีสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นจุดรับน้ำดิบของ กปน. โดยการหยุดการสูบน้ำดิบเข้าคลองประปาในช่วงน้ำลง เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ในขณะที่กรมชลประทาน ปรับแผนการระบายน้ำจากเขื่อนพระรามหก จาก 5 เป็น 15 ลบ.ม. ต่อวินาที และส่งน้ำผ่านคลองสาขาเพื่อนำน้ำจากด้านตะวันตกมาเจือจาง เพื่อปล่อยมวลน้ำก้อนใหญ่ลงมาตามลำน้ำเจ้าพระยาในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งเปิดประตูน้ำคลองลัดโพธิ์ในช่วงน้ำลงเพื่อเร่งการเคลื่อนตัวลงของน้ำให้เร็วขึ้น และปิดในช่วงเวลาน้ำขึ้นเพื่อชะลอการหนุนของน้ำทะลให้ช้าลง
ซึ่งผลการปฏิบัติการ Water Hammer 2 ครั้งที่ผ่านมาในช่วงช่วงปลายเดือนธันวาคม 2562 และช่วงวันที่ 9-13 มกราคม 2563 ประสบความสำเร็จอย่างดี มวลน้ำที่ระบายออกมาสามารถผลักดันลิ่มความเค็มจากน้ำทะเลหนุนสูง ให้ไกลจากสถานีสูบน้ำดิบสำแลได้เกือบ 10 กิโลเมตร
ทั้งนี้ กปน. ยืนยันสามารถผลิตน้ำประปาเพื่อรองรับความต้องการของประชาชนในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ได้ตลอดช่วงหน้าแล้ง และขอความร่วมมือประชาชนติดตามข้อมูลคุณภาพน้ำจาก กปน. อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสำรองน้ำประปาในช่วงเกณฑ์คุณภาพมาตรฐานปกติไว้เพื่อการบริโภค ตลอดจนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด ตรวจสอบอุปกรณ์ประปาภายในบ้านให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่แตกรั่วซึม นอกจากนี้ หากประชาชนพบท่อแตกรั่วในที่สาธารณะ สามารถแจ้ง กปน. ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ MWA call center โทร. 1125 ตลอด 24 ชั่วโมง / แอปพลิเคชัน MWA onMobile / Line @ ในชื่อ @MWAthailand
**********************************