ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 เวลา 17.45 น. ได้เกิดเหตุเรือโดยสารบรรทุกนักท่องเที่ยวชาวจีนล่ม จำนวน 3 ลำ คือ เรือฟีนิกซ์ เรือเซเรนาต้า และเรือเจ็ทสกี ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางกลับจากเกาะเฮและเกาะราชา เพื่อไปยังท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง เหตุเกิดบริเวณแหลมโม่ง ห่างจากเกาะเฮและเกาะราชาประมาณ 2 ไมล์ทะเล อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บรวม 70 ราย มีผู้สูญหายจากเรือฟีนิกซ์ จำนวน 40 ราย และเสียชีวิตจำนวนมาก
จากการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักงาน คปภ. จังหวัดภูเก็ต พบว่าเรือทั้ง 3 ลำ ดังกล่าว ได้มีการทำประกันภัยไว้ดังนี้
1. เรือฟีนิกซ์ ซึ่งเป็นเรือของบริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด ใบอนุญาตใช้เรือเลขที่ 6000-02210 ได้ทำประกันภัยผู้โดยสารเรือสำหรับโดยสาร ไว้กับ บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 170001/P006003400 เริ่มความคุ้มครองวันที่ 18 สิงหาคม 2560 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 18 สิงหาคม 2561 โดยให้ความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ (สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง) จำนวน 100,000 บาทต่อคน และกรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน
2. เรือเซเรนาต้า ซึ่งเป็นเรือของบริษัท ทีซีจี ยอชท์ สิมิลัน จำกัด ใบอนุญาตใช้เรือเลขที่ 6054-02588 ได้ทำประกันภัยผู้โดยสารสำหรับโดยสารไว้กับ บริษัท ไทยพัฒนาประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ MUP-111-6011-0136 เริ่มความคุ้มครองวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 โดยให้ความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ (สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง) จำนวน 100,000 บาทต่อคน และกรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน
ทั้งนี้ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 73 (พ.ศ.2549) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 กำหนดให้เจ้าของเรือหรือผู้ประกอบการเดินเรือสำหรับโดยสารต้องจัดให้มีการประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสาร ดังนั้น ผู้โดยสารทุกคนภายในเรือที่ประสบภัยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจะได้รับความคุ้มครองจากการทำประกันภัย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้สั่งการให้สำนักงาน คปภ. ภาค 9 และสำนักงาน คปภ.จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกด้านการประกันภัย และให้ประสานงานเบื้องต้นกับบริษัทผู้รับประกันภัยเกี่ยวกับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย โดยกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ (สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง) จะได้รับความคุ้มครองเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาทต่อคน และกรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาล เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ สำนักงาน คปภ. จังหวัดภูเก็ต และสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของสำนักงาน คปภ. เร่งรัดให้บริษัทฯ ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยเร็ว
“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจะเห็นว่าผู้ประสบภัยที่มีการทำประกันชีวิตและการประกันภัยภัยจะได้รับความคุ้มครองจากการทำประกันภัย จึงขอฝากเตือนประชาชนให้ความสำคัญและหันมาทำประกันภัยกันให้มากขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง เพราะหากเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น ระบบประกันภัยจะช่วยเหลือบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ในส่วนของผู้ประกอบการเดินเรือโดยสารหรือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณะก็จะต้องทำประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนดและหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ด้วย เพื่อต่ออายุกรมธรรม์ให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันภัยตลอดเวลา หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย