กรมชลประทาน เร่งวางมาตรการแก้ไขและบรรเทาปัญหาน้ำเค็มรุกเข้าไปในทะเลสาบสงขลา หวังช่วยลดผลกระทบน้ำเพื่อการเกษตร
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขน้ำเค็มรุกล้ำเข้าไปในทะเลสาบสงขลาว่า กรมชลประทานได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติให้กรมชลประทานดำเนินการสำรวจหาแหล่งน้ำธรรมชาติ ในเขตอำเภอระโนดและพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมกับให้ตรวจวัดค่าความเค็มในคลองแต่ละสาย พร้อมนำเครื่องจักรเครื่องมือเข้าไปเปิดทางน้ำจากคลองธรรมชาติที่สามารถนำน้ำจืดมาใช้ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนก่อน
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด-กระแสสินธุ์ ได้ทำการสำรวจแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่แล้ว พบว่าบริเวณคลองโพธิ์ คลองบ้านขาว คลองมาบกำ คลองล่องลม คลองคูวา และคลองเขต มีค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถนำไปใช้เพื่อการเกษตรได้ แต่คลองธรรมชาติดังกล่าวเป็นคลองสาขาแยกมาจากป่าพรุทะเลน้อย มีระดับน้ำเฉลี่ยประมาณ 50 ซม. และจะต้องคงระดับน้ำไว้ไม่ต่ำกว่า 30 ซม. สำหรับหล่อเลี้ยงพื้นที่ลุ่มน้ำตามข้อตกลงร่วมกันในการรักษาระบบนิเวศ ซึ่งโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด-กระแสสินธุ์ จะทำการตรวจวัดค่าความเค็มเป็นประจำทุกวัน หากมีค่าความเค็มรุกเข้ามาในคลองธรรมชาติสูงขึ้นจนถึงค่าที่กำหนด (1.5 กรัมต่อลิตร) จะหยุดสูบน้ำทันที โดยปัจจุบันสามารถช่วยเหลือพื้นที่ได้ประมาณ 19,000 ไร่
นอกจากนี้ ยังได้ประสานขอความร่วมมือไปยังประธานคณะกรรมการจัดการน้ำชลประทาน (JMC) ชะอวด-แพรกเมือง ขอความอนุเคราะห์ใช้น้ำจากคลองชะอวด-แพรกเมือง ซึ่งมีระดับน้ำสูงกว่า เพื่อผันน้ำเข้ามาในเขตตำบลบ้านขาว ตำบลตะเครียะ ตำบลคลองแดน และตำบลแดนสงวน อำเภอระโนด เพื่อลดการใช้น้ำจากป่าพรุทะเลน้อย ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในระยะเร่งด่วนได้รวมทั้งหมดประมาณ 56,608 ไร่
ทั้งนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด-กระแสสินธุ์ จะเร่งดำเนินการช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบปัญหาให้กลับสู่สภาวะปกติเร็วที่สุด พร้อมทั้งจะปฏิบัติหน้าที่อย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ของป่าพรุทะเลน้อยด้วย
……………………………………………………..
กรมชลประทาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
23 มกราคม 2563