รมว.แรงงาน ติดตามความก้าวหน้าโครงการนครพนมเมืองสะอาด ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ สร้างชุมชนต้นแบบการพัฒนาและขยายตัวสู่ความเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนริมฝั่งโขง
เมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม 2561 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในการประชุม หัวข้อ “โครงการนครพนมเมืองสะอาด” ณ ห้องประชุมแสงสิงแก้ว ชั้น 3 ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและเสริมอาชีพผู้สูงอายุ จังหวัดนครพนม โดยมี นายสมชาย วิทย์ดำรง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายนิวัต เจียวิริยบุญมา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม และ หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดนครพนม เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย โดยโครงการฯ ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ เพื่อบูรณาการความร่วมมือร่วมกันในการรณรงค์ ดูแลรักษา และพัฒนาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนชุมชนที่พักอาศัยให้น่าอยู่ มีความปลอดภัย และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เกิดความประทับใจเมื่อมาเยี่ยมเยือน จนสามารถเป็นตัวอย่างในการพัฒนาชุมชนต้นแบบ และขยายตัวไปสู่การพัฒนาเมืองต่อไป
สำหรับจังหวัดนครพนมมีศักยภาพในหลายๆ ด้าน อาทิ เป็นเมืองชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของประเทศในภูมิภาคอินโดจีน เป็นเมืองอารมณ์ดีอันดับ 8 ของโลกในปี 2555 จากการจัดอันดับของสหประชาชาติ เป็นเมืองแห่งความสุขอันดับ 1 ของประเทศในปี 2556 จากการจัดอันดับของสำนักงานสถิติแห่งชาติและกรมสุขภาพจิต นอกจากนี้ มีรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2553 จาก 806.98 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1694.67 ล้านบาท ในปี 2559 และ 1837.44 ล้านบาท ในปี 2560 มีมูลค่าการค้าชายแดนด้าน สปป.ลาว จำนวน 82,261.91 ล้านบาท สูงที่สุดใน 12 ด่านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับประกาศเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2558 จำนวน 2 อำเภอ 13 ตำบล เนื่องจากมีความเหมาะสมด้านการค้าชายแดน มีเส้นทางปั่นจักรยานเลาะริมแม่น้ำโขงที่ยาวที่สุดในโลก ระยะทาง 74 กิโลเมตร รวมทั้งมีสถานศึกษา โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงด้านการบิน รวมทั้งโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษาโรคพื้นฐาน และพัฒนาเป็นศูนย์บริการส่งต่อผู้ป่วย รองรับผู้ใช้บริการจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การที่จะรักษาความเป็นเมืองศูนย์กลางของประเทศในภูมิภาคอินโดจีนได้นั้น จำเป็นต้องมีการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมของบ้านเมืองให้มีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นเมืองน่าอยู่ น่าอาศัยอย่างยั่งยืนต่อไป